Help
RSS
API
Feed
Maltego
Contact
Domain > travelsongkhla.com
×
More information on this domain is in
AlienVault OTX
Is this malicious?
Yes
No
DNS Resolutions
Date
IP Address
2013-07-14
103.4.217.232
(
ClassC
)
2024-12-28
119.59.97.4
(
ClassC
)
Port 80
HTTP/1.1 200 OKServer: nginxDate: Sat, 28 Dec 2024 20:19:43 GMTContent-Type: text/html; charsetUTF-8Transfer-Encoding: chunkedConnection: keep-aliveVary: Accept-EncodingExpires: Thu, 19 Nov 1981 08:52:00 GMTCache-Control: no-store, no-cache, must-revalidatePragma: no-cacheSet-Cookie: PHPSESSIDm8htg2vc40os00h95thsj7nfd8; path/Vary: Accept-Encoding,User-Agent !DOCTYPE html>html langen>head> meta charsetUTF-8> meta nameviewport contentwidthdevice-width, initial-scale1.0> title>มาเที่ยวสงขลากัน/title> link relstylesheet href./global.css> link hrefhttps://cdn.jsdelivr.net/npm/bootstrap@5.3.2/dist/css/bootstrap.min.css relstylesheet integritysha384-T3c6CoIi6uLrA9TneNEoa7RxnatzjcDSCmG1MXxSR1GAsXEV/Dwwykc2MPK8M2HN crossoriginanonymous> link hrefhttps://fonts.googleapis.com/css2?familyMaterial+Symbols+Outlined relstylesheet>/head>style> body { padding-bottom: 0 !important; } .auto-resize-textarea { width: 100%; resize: none; box-sizing: border-box; } .member-nav { background-color: var(--purple) !important; }/style>body> nav classnavbar member-nav navbar-expand-lg bg-body-tertiary> div classcontainer-fluid> div classfs-5 text-white>มาเที่ยวสงขลากัน/div> button classnavbar-toggler text-white typebutton data-bs-togglecollapse data-bs-target#navbarNav aria-controlsnavbarNav aria-expandedfalse aria-labelToggle navigation> span classnavbar-toggler-icon text-white>/span> /button> div classcollapse navbar-collapse idnavbarNav> ul classnavbar-nav> li classnav-item> a classnav-link text-white mt-1 hrefindex.php>หน้าแรก/a> /li> li classnav-item> a classnav-link text-white mt-1 hreflogin.php>ล็อกอิน/a> /li> li classnav-item> span classnav-link text-white mt-1>จำนวนผู้เยี่ยมชมเว็ปไซต์(2650)/span> /li> /ul> /div> /div> /nav> div classcontainer> div classalert alert-info mt-3> marquee direction”left”>เว็บไซต์นี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาโครงงาน หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ประเภทวิชาบริหารธุรกิจ สาขาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยอาชีวศึกษาโปลีเทคนิคตรัง ปีการศึกษา 2566/marquee> /div> /div> div classcontainer> div idcarouselExampleIndicators classcarousel slide mt-3> div classcarousel-indicators> button typebutton data-bs-target#carouselExampleIndicators data-bs-slide-to0 classactive aria-currenttrue aria-labelSlide 1>/button> button typebutton data-bs-target#carouselExampleIndicators data-bs-slide-to1 aria-labelSlide 2>/button> button typebutton data-bs-target#carouselExampleIndicators data-bs-slide-to2 aria-labelSlide 3>/button> /div> div classcarousel-inner> div classcarousel-item active> img src./images/picture_slides/picture_slide_vblyg1709956059.jpg classd-block w-100 altภาพสไลด์> /div> div classcarousel-item> img src./images/picture_slides/picture_slide_nrbix1709957854.jpg classd-block w-100 altภาพสไลด์> /div> div classcarousel-item> img src./images/picture_slides/picture_slide_fiilw1709957861.jpg classd-block w-100 altภาพสไลด์> /div> /div> button classcarousel-control-prev typebutton data-bs-target#carouselExampleIndicators data-bs-slideprev> span classcarousel-control-prev-icon aria-hiddentrue>/span> span classvisually-hidden>Previous/span> /button> button classcarousel-control-next typebutton data-bs-target#carouselExampleIndicators data-bs-slidenext> span classcarousel-control-next-icon aria-hiddentrue>/span> span classvisually-hidden>Next/span> /button> /div> /div> style> .show-text { width: 100%; border: none; outline: none; resize: none; overflow: hidden; box-sizing: border-box; } .div-main { min-height: 65vh; } /style> div classcontainer mt-3> div classdiv-main> div classrow row-gap-3> div classpx-2 col-lg-4 col-md-6 col-sm-12> div classborder rounded p-3> img width100% src./images/posts/post_ywuon1709956294.png alt> div classmt-2> div classtext-primary fs-5>สถานที่ท่องเที่ยว/div> div classfs-6>พิกัด/div> !-- textarea disabled classauto-resize-textarea bg-transparent border-0>หาดสมิหลาหาดสมิหลา ตั้งอยู่ที่ ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ในเขตเทศบาลเมืองสงขลา เป็นหาดชื่อดังของสงขลา ที่คงจะไม่มีใครไม่รู้จัก หาดทรายของที่นี่ก็มีความสวยและขาวสะอาด บวกกับวิวทิวสนร่มรื่นตลอดแนวหาด ทำให้ที่นี่เป็นเหมือนแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวสงขลานที่ หาดสมิหลา นั้น สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ไปจนสุดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่ แหลมสนอ่อน และทิศใต้ก็ยังมองเห็นได้ไกลถึง หาดชลาทัศน์ อีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอเพราะในวันที่อากาศปลอดโปร่ง ก็ยังมีลุ้นได้เห็น เขาเก้าเส้ง อยู่ไกลๆ เช่นเดียวกันแต่อีกไฮไลท์ประจำ หาดสมิหลา แห่งนี้ ที่จะไม่พูดไม่ได้เลย นั่นก็คือ นางเงือก ที่ตั้งอยู่บนหาด เป็นสัญลักษณ์โดดเด่นอย่างหนึ่งของจังหวัดสงขลาเลย โดยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ นางเงือก อยู่ว่าเป็นเรื่องในนิยายปรัมปราของไทย ที่ ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธ์) เป็นผู้เล่าไว้ คือ จะมีนางเงือกมานั่งหวีผมบนชายหาดด้วยหวีทองคำอยู่เป็นประจำ จนวันหนึ่งมีชายชาวประมงเดินผ่านมาเจอ เลยทำให้นางเงือกตกใจ รีบหนีลงทะเล โดยลืมหวีทองคำทิ้งไว้ ชาวประมงเลยก็เก็บหวีเอาไว้และรอคอยนางเงือกที่หาดนี้ แต่นางเงือกก็ไม่เคยปรากฎตัวขึ้นอีกเลยตั้งแต่นั้นมา นอกจากนั้นก็ยังมี สัญลักษณ์อีกอย่างคือ รูปปั้นหนูและแมว ที่เป็นตัวแทนของเกาะใกล้ๆ หาดสมิหลา นั่นก็คือ เกาะหนู และ เกาะแมว อีกด้วย โดยบรรยากาศรอบๆ ของชายหาดที่นี่จะเงียบสงบ เหมาะสำหรับมาพักผ่อนชมวิว และเล่นน้ำทะเลกันได้แบบชิลๆ เลย/textarea> --> textarea rows2 disabled classshow-text bg-transparent>หาดสมิหลาหาดสมิหลา ตั้งอยู่ที่ ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ในเขตเทศบาลเมืองสงขลา เป็นหาดชื่อดังของสงขลา ที่คงจะไม่มีใครไม่รู้จัก หาดทรายของที่นี่ก็มีความสวยและขาวสะอาด บวกกับวิวทิวสนร่มรื่นตลอดแนวหาด ทำให้ที่นี่เป็นเหมือนแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวสงขลานที่ หาดสมิหลา นั้น สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ไปจนสุดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่ แหลมสนอ่อน และทิศใต้ก็ยังมองเห็นได้ไกลถึง หาดชลาทัศน์ อีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอเพราะในวันที่อากาศปลอดโปร่ง ก็ยังมีลุ้นได้เห็น เขาเก้าเส้ง อยู่ไกลๆ เช่นเดียวกันแต่อีกไฮไลท์ประจำ หาดสมิหลา แห่งนี้ ที่จะไม่พูดไม่ได้เลย นั่นก็คือ นางเงือก ที่ตั้งอยู่บนหาด เป็นสัญลักษณ์โดดเด่นอย่างหนึ่งของจังหวัดสงขลาเลย โดยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ นางเงือก อยู่ว่าเป็นเรื่องในนิยายปรัมปราของไทย ที่ ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธ์) เป็นผู้เล่าไว้ คือ จะมีนางเงือกมานั่งหวีผมบนชายหาดด้วยหวีทองคำอยู่เป็นประจำ จนวันหนึ่งมีชายชาวประมงเดินผ่านมาเจอ เลยทำให้นางเงือกตกใจ รีบหนีลงทะเล โดยลืมหวีทองคำทิ้งไว้ ชาวประมงเลยก็เก็บหวีเอาไว้และรอคอยนางเงือกที่หาดนี้ แต่นางเงือกก็ไม่เคยปรากฎตัวขึ้นอีกเลยตั้งแต่นั้นมา นอกจากนั้นก็ยังมี สัญลักษณ์อีกอย่างคือ รูปปั้นหนูและแมว ที่เป็นตัวแทนของเกาะใกล้ๆ หาดสมิหลา นั่นก็คือ เกาะหนู และ เกาะแมว อีกด้วย โดยบรรยากาศรอบๆ ของชายหาดที่นี่จะเงียบสงบ เหมาะสำหรับมาพักผ่อนชมวิว และเล่นน้ำทะเลกันได้แบบชิลๆ เลย/textarea> /div> div classmt-2 d-flex justify-content-between> div classtext-primary share-cw pointer data-post-id23>แชร์/div> a href./login.php classnav-link text-primary>เพิ่มเติม/a> /div> /div> /div> div classpx-2 col-lg-4 col-md-6 col-sm-12> div classborder rounded p-3> img width100% src./images/posts/post_jrvzc1708306250.png alt> div classmt-2> div classtext-primary fs-5>สถานที่ท่องเที่ยว/div> div classfs-6>พิกัด/div> !-- textarea disabled classauto-resize-textarea bg-transparent border-0>สวนสัตว์สงขลาสวนสัตว์สงขลา เป็นสวนสัตว์แห่งแรกของภาคใต้ มีพื้นที่ 878 ไร่ จัดตั้งขึ้นเพื่ออนุรักษ์ ขยายพันธุ์ รวบรวมสัตว์ป่าของไทย และเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ท่ามกลางบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยทะเลสาบสงขลาใกล้แหลมสมิหลาและสามารถชมวิวสะพานติณสูลานนท์ได้อย่างชัดเจนภายในสวนสัตว์มีส่วนจัดแสดงต่างๆ อาทิ- อาคารแสดงความสามารถของแมวน้ำ- สวนน้ำ- ศูนย์จัดแสดงช้าง/วัวกระทิง/วัวแดง- ส่วนจัดแสดงนางเงือก- สวนจัดแสดงหมี- ส่วนจัดแสดงสัตว์จากทวีปแอฟริกา- ศูนย์แสดงลิง- ศูนย์นก- สวนสมเสร็จ- การแสดงวิถีชีวิตสัตว์ป่า- ลานกิจกรรม- ค่ายพักแรม/textarea> --> textarea rows2 disabled classshow-text bg-transparent>สวนสัตว์สงขลาสวนสัตว์สงขลา เป็นสวนสัตว์แห่งแรกของภาคใต้ มีพื้นที่ 878 ไร่ จัดตั้งขึ้นเพื่ออนุรักษ์ ขยายพันธุ์ รวบรวมสัตว์ป่าของไทย และเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ท่ามกลางบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยทะเลสาบสงขลาใกล้แหลมสมิหลาและสามารถชมวิวสะพานติณสูลานนท์ได้อย่างชัดเจนภายในสวนสัตว์มีส่วนจัดแสดงต่างๆ อาทิ- อาคารแสดงความสามารถของแมวน้ำ- สวนน้ำ- ศูนย์จัดแสดงช้าง/วัวกระทิง/วัวแดง- ส่วนจัดแสดงนางเงือก- สวนจัดแสดงหมี- ส่วนจัดแสดงสัตว์จากทวีปแอฟริกา- ศูนย์แสดงลิง- ศูนย์นก- สวนสมเสร็จ- การแสดงวิถีชีวิตสัตว์ป่า- ลานกิจกรรม- ค่ายพักแรม/textarea> /div> div classmt-2 d-flex justify-content-between> div classtext-primary share-cw pointer data-post-id21>แชร์/div> a href./login.php classnav-link text-primary>เพิ่มเติม/a> /div> /div> /div> div classpx-2 col-lg-4 col-md-6 col-sm-12> div classborder rounded p-3> img width100% src./images/posts/post_ftzud1708306061.png alt> div classmt-2> div classtext-primary fs-5>สถานที่ท่องเที่ยว/div> div classfs-6>พิกัด/div> !-- textarea disabled classauto-resize-textarea bg-transparent border-0>ย่านเมืองเก่าย่านเมืองเก่า จังหวัดสงขลา มีประวัติความเป็นมาและมีอายุยืนยาวกว่า 200 ปี โดยดูได้จากความเก่าแก่ของตึก อาคาร และบ้านเรือน ย่านเมืองเก่าแห่งนี้ มีถนนที่สำคัญด้วยกัน 3 สาย คือ ถนนนครนอก ถนนนครใน และถนนนางงาม ถนนนครนอกจะเป็นถนนที่ติดกับฝั่งทะเลสาป ว่ากันว่าในอดีตบริเวณนี้เป็นท่าเทียบเรือเพื่อการค้าขายและขนส่งสินค้าจากต่างประเทศ ดูได้จากการมีโรงสีข้าวขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันที่แห่งนี้ได้ชื่อว่า หับ โห้ หิ้น หรือที่ชาวสงขลาเรียกกันว่า โรงสีแดง โรงสีข้าวแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลสาปสงขลา มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับพื้นที่เพาะปลูกข้าว แต่ในปัจจุบันได้ยกเลิกกิจการไปเนิ่นนานแล้ว เพราะเกิดจากสภาพแวดล้อม สังคม เทคโนโลยี ที่มีการพัฒนาและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว สถานที่แห่งนี้ได้กลายมาเป็นแหล่งเรียนรู้ ให้กับผู้คนที่มาเยี่ยมชมที่นี่ เพื่อจะได้รู้ถึงประวัติ ความเป็นมา และวัฒนธรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต จนถึงปัจจุบัน ถนนนครใน เป็นถนนที่อยู่ตรงกลางระหว่าง ถนนนครนอกและถนนนางงาม ถนนนครนอกนี้มีสถานที่สำคัญ คือ บ้านนครใน จะเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งการอนุรักษ์ เสริมสร้างคุณค่า บ้านนครในเป็นบ้านไม้จีนแบบโบราณ และบ้านตึกสีขาว ภายในจะเป็นการจัดแสดงของเก่า การอนุรักษ์ของเก่า ให้ได้ชมกัน ถนนนางงาม เดิมชื่อ ถนนเก้าห้อง หรือเรียกว่า ย่านเก้าห้อง ถนนเส้นนี้เกิดจากการตัดถนน เพื่อเป็นเส้นทางในการประกอบพิธีสมโภชเสาหลักเมือง ถนนนางงามนี้มีสถานที่สำคัญ คือ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา ศาลเจ้าพ่อกวนอู ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้าน คู่เมือง ของชาวสงขลาและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยสายเชื้อจีน/textarea> --> textarea rows2 disabled classshow-text bg-transparent>ย่านเมืองเก่าย่านเมืองเก่า จังหวัดสงขลา มีประวัติความเป็นมาและมีอายุยืนยาวกว่า 200 ปี โดยดูได้จากความเก่าแก่ของตึก อาคาร และบ้านเรือน ย่านเมืองเก่าแห่งนี้ มีถนนที่สำคัญด้วยกัน 3 สาย คือ ถนนนครนอก ถนนนครใน และถนนนางงาม ถนนนครนอกจะเป็นถนนที่ติดกับฝั่งทะเลสาป ว่ากันว่าในอดีตบริเวณนี้เป็นท่าเทียบเรือเพื่อการค้าขายและขนส่งสินค้าจากต่างประเทศ ดูได้จากการมีโรงสีข้าวขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันที่แห่งนี้ได้ชื่อว่า หับ โห้ หิ้น หรือที่ชาวสงขลาเรียกกันว่า โรงสีแดง โรงสีข้าวแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลสาปสงขลา มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับพื้นที่เพาะปลูกข้าว แต่ในปัจจุบันได้ยกเลิกกิจการไปเนิ่นนานแล้ว เพราะเกิดจากสภาพแวดล้อม สังคม เทคโนโลยี ที่มีการพัฒนาและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว สถานที่แห่งนี้ได้กลายมาเป็นแหล่งเรียนรู้ ให้กับผู้คนที่มาเยี่ยมชมที่นี่ เพื่อจะได้รู้ถึงประวัติ ความเป็นมา และวัฒนธรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต จนถึงปัจจุบัน ถนนนครใน เป็นถนนที่อยู่ตรงกลางระหว่าง ถนนนครนอกและถนนนางงาม ถนนนครนอกนี้มีสถานที่สำคัญ คือ บ้านนครใน จะเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งการอนุรักษ์ เสริมสร้างคุณค่า บ้านนครในเป็นบ้านไม้จีนแบบโบราณ และบ้านตึกสีขาว ภายในจะเป็นการจัดแสดงของเก่า การอนุรักษ์ของเก่า ให้ได้ชมกัน ถนนนางงาม เดิมชื่อ ถนนเก้าห้อง หรือเรียกว่า ย่านเก้าห้อง ถนนเส้นนี้เกิดจากการตัดถนน เพื่อเป็นเส้นทางในการประกอบพิธีสมโภชเสาหลักเมือง ถนนนางงามนี้มีสถานที่สำคัญ คือ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา ศาลเจ้าพ่อกวนอู ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้าน คู่เมือง ของชาวสงขลาและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยสายเชื้อจีน/textarea> /div> div classmt-2 d-flex justify-content-between> div classtext-primary share-cw pointer data-post-id20>แชร์/div> a href./login.php classnav-link text-primary>เพิ่มเติม/a> /div> /div> /div> div classpx-2 col-lg-4 col-md-6 col-sm-12> div classborder rounded p-3> img width100% src./images/posts/post_ciiwy1708305877.png alt> div classmt-2> div classtext-primary fs-5>สถานที่ท่องเที่ยว/div> div classfs-6>พิกัด/div> !-- textarea disabled classauto-resize-textarea bg-transparent border-0>น้ำตกโตนงาช้างน้ำตกโตนงาช้างเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงมาก แห่งหนึ่งของภาคใต้และของจังหวัดสงขลา น้ำตกโตนงาช้างมี 7 ชั้นชั้นที่มีชื่อเสียงมี่สุดคือโตนงาช้างซึ่งเป็นชั้นที่ 3 ของน้ำตกซึ่งสายน้ำตกแยกออกเป็นสองสายคล้ายงาช้างน้ำตกโตนงาช้างนี้อยู่ใน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้างมีการจัดสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ บริการนักท่องเที่ยวมีทางเดินศึกษาธรรมชาติและเที่ยวชมน้ำตกชั้นต่าง ๆ หากจะ ชมน้ำตกให้ครบทุกชั้นต้องเดินเท้าเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตรสำหรับน้ำตกทั้ง 7 ชั้น จะมีชื่อเรียกแตกต่างกัน ได้แก่ ชั้นที่ 1.โตนบ้า เมื่อเดินเท้าไปเพียงแค่เล็กน้อยจากจุดจอดรถ ก็จะพบกับสายน้ำและโขดหิน เล็ก ๆ สำหรับชั้นนี้ไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำเท่าไหร่นัก เนื่องจากเป็นเพียงแค่สายน้ำไหล และไม่มีแอ่งน้ำ ชั้นที่ 2.โตนปลิว ชั้นนี้เดินเท้าจากชั้นแรกประมาณ 200 เมตร ลักษณะของชั้นนี้เป็นแอ่งน้ำ เหมาะแก่การเล่นน้ำ ลักษณะโดยทั่วไป น้ำจะไหลจากหน้าผาสูงชันพอประมาณ สูงประมาณ 20 เมตร โดยที่น้ำจะไหลเป็น 2 สายมาบรรจบกันที่แอ่ง ผู้คนโดยส่วนใหญ่มักจะเล่นน้ำกันชั้นนี้ การเดินทางมาชั้นนี้ค่อนข้างสะดวก ชั้นที่ 3.โตนงาช้าง หากเดินทางมาเที่ยวน้ำตกโตนงาช้างต้องไม่พลาดชั้นนี้ ซึ่งจะได้สัมผัส กับจุดที่เรียกว่า โตนงาช้าง ในชั้นนี้ใช้เวลาในการเดินทางจากชั้นที่ 2 ประมาณ 15 นาที เนื่องจาก ทางขึ้นค่อนข้างชัน เมื่อถึงชั้นนี้จะพบน้ำไหลลาดชัน สูงประมาณ 20 เมตร โดยจะมีน้ำไหล 2 สายมาบรรจบกันที่แอ่ง เล็ก ๆ ซึ่งจะมีโขดหินขนาดใหญ่ขวางอยู่ และเมื่อนั่งบนโขดหินชั้นนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ด้านล่าง เนื่องจากบนชั้นนี้จะมีความสูงใกล้กับเทือกเขา ในชั้นนี้จะมีแอ่งน้ำซึ่งสามารถที่จะเล่นน้ำได้ ชั้นที่ 4.โตนดำ อยู่ที่ระดับความสูง 700 เมตร ชั้นที่ 5.โตนน้ำปล่อย อยู่ที่ระดับความสูง 1,050 เมตร ชั้นที่ 6.โตนฤาษีคอยบ่อ อยู่ที่ระดับความสูง 1,300 เมตร ชั้นที่ 7.โตนเหม็ดชุน อยู่ที่ระดับความสูง 1,550 เมตร การเดินทาง โดยทางรถยนต์ เริ่มจากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ไปตามถนนเพชรเกษม หาดใหญ่-รัตภูมิ ถึงกิโลเมตรที่ 13 แยกซ้ายเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง 13 กิโลเมตร ถึงสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง รวมระยะทางหาดใหญ่ถึงสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง 26 กิโลเมตร/textarea> --> textarea rows2 disabled classshow-text bg-transparent>น้ำตกโตนงาช้างน้ำตกโตนงาช้างเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงมาก แห่งหนึ่งของภาคใต้และของจังหวัดสงขลา น้ำตกโตนงาช้างมี 7 ชั้นชั้นที่มีชื่อเสียงมี่สุดคือโตนงาช้างซึ่งเป็นชั้นที่ 3 ของน้ำตกซึ่งสายน้ำตกแยกออกเป็นสองสายคล้ายงาช้างน้ำตกโตนงาช้างนี้อยู่ใน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้างมีการจัดสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ บริการนักท่องเที่ยวมีทางเดินศึกษาธรรมชาติและเที่ยวชมน้ำตกชั้นต่าง ๆ หากจะ ชมน้ำตกให้ครบทุกชั้นต้องเดินเท้าเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตรสำหรับน้ำตกทั้ง 7 ชั้น จะมีชื่อเรียกแตกต่างกัน ได้แก่ ชั้นที่ 1.โตนบ้า เมื่อเดินเท้าไปเพียงแค่เล็กน้อยจากจุดจอดรถ ก็จะพบกับสายน้ำและโขดหิน เล็ก ๆ สำหรับชั้นนี้ไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำเท่าไหร่นัก เนื่องจากเป็นเพียงแค่สายน้ำไหล และไม่มีแอ่งน้ำ ชั้นที่ 2.โตนปลิว ชั้นนี้เดินเท้าจากชั้นแรกประมาณ 200 เมตร ลักษณะของชั้นนี้เป็นแอ่งน้ำ เหมาะแก่การเล่นน้ำ ลักษณะโดยทั่วไป น้ำจะไหลจากหน้าผาสูงชันพอประมาณ สูงประมาณ 20 เมตร โดยที่น้ำจะไหลเป็น 2 สายมาบรรจบกันที่แอ่ง ผู้คนโดยส่วนใหญ่มักจะเล่นน้ำกันชั้นนี้ การเดินทางมาชั้นนี้ค่อนข้างสะดวก ชั้นที่ 3.โตนงาช้าง หากเดินทางมาเที่ยวน้ำตกโตนงาช้างต้องไม่พลาดชั้นนี้ ซึ่งจะได้สัมผัส กับจุดที่เรียกว่า โตนงาช้าง ในชั้นนี้ใช้เวลาในการเดินทางจากชั้นที่ 2 ประมาณ 15 นาที เนื่องจาก ทางขึ้นค่อนข้างชัน เมื่อถึงชั้นนี้จะพบน้ำไหลลาดชัน สูงประมาณ 20 เมตร โดยจะมีน้ำไหล 2 สายมาบรรจบกันที่แอ่ง เล็ก ๆ ซึ่งจะมีโขดหินขนาดใหญ่ขวางอยู่ และเมื่อนั่งบนโขดหินชั้นนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ด้านล่าง เนื่องจากบนชั้นนี้จะมีความสูงใกล้กับเทือกเขา ในชั้นนี้จะมีแอ่งน้ำซึ่งสามารถที่จะเล่นน้ำได้ ชั้นที่ 4.โตนดำ อยู่ที่ระดับความสูง 700 เมตร ชั้นที่ 5.โตนน้ำปล่อย อยู่ที่ระดับความสูง 1,050 เมตร ชั้นที่ 6.โตนฤาษีคอยบ่อ อยู่ที่ระดับความสูง 1,300 เมตร ชั้นที่ 7.โตนเหม็ดชุน อยู่ที่ระดับความสูง 1,550 เมตร การเดินทาง โดยทางรถยนต์ เริ่มจากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ไปตามถนนเพชรเกษม หาดใหญ่-รัตภูมิ ถึงกิโลเมตรที่ 13 แยกซ้ายเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง 13 กิโลเมตร ถึงสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง รวมระยะทางหาดใหญ่ถึงสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง 26 กิโลเมตร/textarea> /div> div classmt-2 d-flex justify-content-between> div classtext-primary share-cw pointer data-post-id19>แชร์/div> a href./login.php classnav-link text-primary>เพิ่มเติม/a> /div> /div> /div> div classpx-2 col-lg-4 col-md-6 col-sm-12> div classborder rounded p-3> img width100% src./images/posts/post_vtxvk1708305707.png alt> div classmt-2> div classtext-primary fs-5>สถานที่ท่องเที่ยว/div> div classfs-6>พิกัด/div> !-- textarea disabled classauto-resize-textarea bg-transparent border-0>เขาคูหาเขาคูหา ตั้งอยู่ใน ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา เป็นบรรยากาศของวิวทิวทัศน์ภูเขาที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นและสวยงดงามมากๆ ก่อนที่จะมาเป็น เขาคูหา สวยๆ แบบนี้ ต้องบอกก่อนว่าเมื่อก่อนบริเวณนี้มีการทำสัมปทานเหมืองหิน และมีการระเบิดภูเขาด้วย เลยทำให้ภูเขามีรูปร่างแปลกตาจากที่เป็นอยู่ แต่ต่อมาเมื่อไม่มีการต่ออายุสัมปทาน ก็ทำให้เกิดกลุ่มอนุรักษ์เขาคูหาเข้ามาดูแลพื้นที่ และเริ่มมีชาวบ้านในพื้นที่ไปวิ่งออกกำลังกายกัน หรือบ้างก็เข้าไปท่องเที่ยวบ้างก็ชมความสวยงามของวิวที่นี่กัน เลยทำให้ เขาคูหา เริ่มเป็นที่รู้จักและกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องลองไปชมสักครั้งเลยเขาคูหา เลยเป็นอีกจุดชมวิวสวยๆ ที่เข้าถึงง่ายๆ สามารถเดินเท้าขึ้นไปได้เลย แม้ว่าจะแต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินบ้าง แต่ก็ถือว่าไม่ยากจนเกินไป และที่ด้านบนจุดชมวิวนั้น ยังมีจุดถ่ายรูปสวย ที่เป็นไฮไลท์ คือ ภาพของร่องภูเขาที่รายล้อมไปด้วยต้นสน ถ่ายภาพออกมานึกว่าอยู่ที่เมืองนอกแบบนั้นเลยนะเนี่ย ยิ่งถ้าใครได้มีโอกาสไปในตอนเช้าๆ แล้วล่ะก็ อาจจะมีลุ้นได้ชม ทะเลหมอก แบบ 360 องศาอีกด้วยนะ หรือจะนอนกางเต็นท์ชมวิวบนเขาเลย ก็สามาถทำได้เช่นกัน หากใครที่มีโอกาสไปเที่ยว สงขลา ก็อย่าลืมไปเก็บภาพสวยๆ ของ เขาคูหา กันดู รับรองว่าจะต้องได้ภาพสวยๆ เหมือนอยู่เมืองนอก ไปอวดเพื่อนๆ ในโซเชียลอย่างแน่นอน/textarea> --> textarea rows2 disabled classshow-text bg-transparent>เขาคูหาเขาคูหา ตั้งอยู่ใน ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา เป็นบรรยากาศของวิวทิวทัศน์ภูเขาที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นและสวยงดงามมากๆ ก่อนที่จะมาเป็น เขาคูหา สวยๆ แบบนี้ ต้องบอกก่อนว่าเมื่อก่อนบริเวณนี้มีการทำสัมปทานเหมืองหิน และมีการระเบิดภูเขาด้วย เลยทำให้ภูเขามีรูปร่างแปลกตาจากที่เป็นอยู่ แต่ต่อมาเมื่อไม่มีการต่ออายุสัมปทาน ก็ทำให้เกิดกลุ่มอนุรักษ์เขาคูหาเข้ามาดูแลพื้นที่ และเริ่มมีชาวบ้านในพื้นที่ไปวิ่งออกกำลังกายกัน หรือบ้างก็เข้าไปท่องเที่ยวบ้างก็ชมความสวยงามของวิวที่นี่กัน เลยทำให้ เขาคูหา เริ่มเป็นที่รู้จักและกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องลองไปชมสักครั้งเลยเขาคูหา เลยเป็นอีกจุดชมวิวสวยๆ ที่เข้าถึงง่ายๆ สามารถเดินเท้าขึ้นไปได้เลย แม้ว่าจะแต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินบ้าง แต่ก็ถือว่าไม่ยากจนเกินไป และที่ด้านบนจุดชมวิวนั้น ยังมีจุดถ่ายรูปสวย ที่เป็นไฮไลท์ คือ ภาพของร่องภูเขาที่รายล้อมไปด้วยต้นสน ถ่ายภาพออกมานึกว่าอยู่ที่เมืองนอกแบบนั้นเลยนะเนี่ย ยิ่งถ้าใครได้มีโอกาสไปในตอนเช้าๆ แล้วล่ะก็ อาจจะมีลุ้นได้ชม ทะเลหมอก แบบ 360 องศาอีกด้วยนะ หรือจะนอนกางเต็นท์ชมวิวบนเขาเลย ก็สามาถทำได้เช่นกัน หากใครที่มีโอกาสไปเที่ยว สงขลา ก็อย่าลืมไปเก็บภาพสวยๆ ของ เขาคูหา กันดู รับรองว่าจะต้องได้ภาพสวยๆ เหมือนอยู่เมืองนอก ไปอวดเพื่อนๆ ในโซเชียลอย่างแน่นอน/textarea> /div> div classmt-2 d-flex justify-content-between> div classtext-primary share-cw pointer data-post-id18>แชร์/div> a href./login.php classnav-link text-primary>เพิ่มเติม/a> /div> /div> /div> div classpx-2 col-lg-4 col-md-6 col-sm-12> div classborder rounded p-3> img width100% src./images/posts/post_xutyu1708305446.png alt> div classmt-2> div classtext-primary fs-5>สถานที่ท่องเที่ยว/div> div classfs-6>พิกัด/div> !-- textarea disabled classauto-resize-textarea bg-transparent border-0>เขาตังกวนเขาตังกวน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.สงขลา เป็นเนินเขาสูง จากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 ฟุต จากยอดเขาตังกวนนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองสงขลาได้โดยรอบ บนยอดเขาตังกวนเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์พระธาตุคู่เมือง สงขลาซึ่งสร้างในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี(อยู่บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 ฟุต ) โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) ได้พระราชทานเงินหลวงให้เป็นทุนในการบูรณะปฏิสังขรณ์ และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน (ร.9) ได้ทรงพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุให้มาบรรจุในองค์พระเจดีย์ในทุกๆ ปีในเดือนตุลาคม จะมีงานพิธีห่มผ้าองค์พระเจดีย์ และประเพณีตักบาตรเทโวและลากพระของสงขลาจดีย์พระธาตุ พระเจดีย์หลวง พระเจดีย์หลวงเป็นอีกหนึ่งในโบราณสถานที่สำคัญของเขาตังกวน พระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงระฆัง สันนิษฐานว่าเป็น พระเจดีย์โบราณที่มีมานาน แต่ไม่ปรากฎหลักฐานความเป็นมาที่ชัดเจน จนต่อมาในปี พ.ศ.2402 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้า อยู่หัวฯ เสด็จพระราชดำเนินประพาสเมืองสงขลา หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2409 จึงได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินหลวง 37 ชั่ง ให้เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น) ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ให้สูงใหญ่กว่าของเก่า และในครั้งนั้น เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น)ได้ สร้างคฤห์ไว้ที่ฐานพระเจดีย์ และต่อเติมเก๋งที่มุมกำแพง พระเจดีย์หลวงเป็นพระเจดีย์คู่บ้านคู่เมือง ของสงขลาจึงมีการบูรณะซ่อม แซมมาโดยตลอด ในปีพ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าพระราชทาน พระบรมสารีริกธาตุ และเครื่องสักการะบูชาประดิษฐานไว้ ณ พระเจดีย์หลวง เพื่อไว้เป็นที่สักการะบูชาของชาวเมืองสงขลาสืบต่อไปประภาคาร เป็นอาคารที่สำคัญอย่างหนึ่งของเขาตังกวนสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ.2439 ครั้งพระยาวิเชียรคีรี (ชม) เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา โดยสมเด็จพระบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้โปรดให้ กรมทหารเรือทำเครื่องหมายประดับประกอบตัวโคมและส่งแบบฐานปูนให้ข้าหลวงออกมาจัดการก่อสร้างประภาคาร ตามพระราช ดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในบริเวณที่พระยาวิเชียรคีรี (ชม ณ สงขลา) และพระยาชลยุทธโยธินเป็นผู้ เลือกสถานที่ ประภาคารนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2440ศาลาพระวิหารแดง จากลานพระเจดีย์หลวงมีทางเดินลงบันไดมายังศาลาพระวิหารแดง ประวัติการก่อสร้างศาลาพระวิหารแดง พระบาทสมเด็จพระจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริให้สร้างพลับพลาที่ประทับนี้แต่ยังคงสร้างค้างอยู่ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2432 พระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสแหลมมลายูถึงเมืองสงขลา พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินขึ้นนมัสการพระเจดีย์บนยอดเขาตังกวน มีพระราชศรัทธาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างศาลาพระวิหารจนสำเร็จในเวลาต่อมา แล้วยังทรงพระราชดำริให้สร้างบันไดนาคขึ้นจาก พลับพลา สำเร็จเรียบร้อยในปี พ.ศ. 2440 วิวสวยหน้าศาลาพระวิหารแดง พลับพลาที่สร้างขึ้นตั้งแต่ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หันหน้าพลับพลาไปด้านเชิงเขาด้านหนึ่งของเขาตังกวน เป็นบริเวณที่วิวเปิดเห็นทิวทัศน์ได้ไกล และสวยงามมากภายในศาลาพระวิหารแดง ลักษณะการก่อสร้างภายใน เป็นเสามีช่องทางเดินทะลุถึงกันแต่ละช่องมีขนาดเท่ากัน และเป็นแบบเดียวกันทั้งหมดอย่างที่เห็นในภาพนี้เลยครับมองจากด้านหน้า จะทะลุไปจนถึงด้านหลัง มองจากด้านข้างด้านหนึ่งจะ ทะลุไปจนถึงอีกด้านหนึ่ง ช่องทางด้านหน้าและด้านหลัง ช่องทางเดินเข้าออกศาลาพระวิหารแดง คงไม่เรียกว่าประตูเพราะไม่มี ทั้งบานประตูและบานหน้าต่าง ด้านหลังเป็นทางไปบันไดนาคขึ้นยอดเขาตังกวนและพระเจดีย์หลวง ช่องด้านหน้าเป็นทางเดินลงไป เชิงเขาทางบันไดลานชมวิวเขาตังกวน จากยอดเขาตังกวนก็จะมองเห็นวิวของเมืองสงขลาได้แบบ 360 องศา มีที่นั่งให้นั่งชมวิว ลานชมวิวแห่งนี้มีรูปหลวงปู่ทวดอยู่กลางลาน บนฐานที่ยกสูงขึ้นไป ลานชมวิวหน้าพระเจดีย์หลวงจะมองเห็นตัวเมืองสงขลา ได้กว้างไกลมากๆ ทั้งวิวตัวเมืองและทะเลสาปสงขลา รวมทั้งหาดสมิหลา/textarea> --> textarea rows2 disabled classshow-text bg-transparent>เขาตังกวนเขาตังกวน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.สงขลา เป็นเนินเขาสูง จากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 ฟุต จากยอดเขาตังกวนนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองสงขลาได้โดยรอบ บนยอดเขาตังกวนเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์พระธาตุคู่เมือง สงขลาซึ่งสร้างในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี(อยู่บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 ฟุต ) โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) ได้พระราชทานเงินหลวงให้เป็นทุนในการบูรณะปฏิสังขรณ์ และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน (ร.9) ได้ทรงพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุให้มาบรรจุในองค์พระเจดีย์ในทุกๆ ปีในเดือนตุลาคม จะมีงานพิธีห่มผ้าองค์พระเจดีย์ และประเพณีตักบาตรเทโวและลากพระของสงขลาจดีย์พระธาตุ พระเจดีย์หลวง พระเจดีย์หลวงเป็นอีกหนึ่งในโบราณสถานที่สำคัญของเขาตังกวน พระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงระฆัง สันนิษฐานว่าเป็น พระเจดีย์โบราณที่มีมานาน แต่ไม่ปรากฎหลักฐานความเป็นมาที่ชัดเจน จนต่อมาในปี พ.ศ.2402 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้า อยู่หัวฯ เสด็จพระราชดำเนินประพาสเมืองสงขลา หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2409 จึงได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินหลวง 37 ชั่ง ให้เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น) ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ให้สูงใหญ่กว่าของเก่า และในครั้งนั้น เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น)ได้ สร้างคฤห์ไว้ที่ฐานพระเจดีย์ และต่อเติมเก๋งที่มุมกำแพง พระเจดีย์หลวงเป็นพระเจดีย์คู่บ้านคู่เมือง ของสงขลาจึงมีการบูรณะซ่อม แซมมาโดยตลอด ในปีพ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าพระราชทาน พระบรมสารีริกธาตุ และเครื่องสักการะบูชาประดิษฐานไว้ ณ พระเจดีย์หลวง เพื่อไว้เป็นที่สักการะบูชาของชาวเมืองสงขลาสืบต่อไปประภาคาร เป็นอาคารที่สำคัญอย่างหนึ่งของเขาตังกวนสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ.2439 ครั้งพระยาวิเชียรคีรี (ชม) เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา โดยสมเด็จพระบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้โปรดให้ กรมทหารเรือทำเครื่องหมายประดับประกอบตัวโคมและส่งแบบฐานปูนให้ข้าหลวงออกมาจัดการก่อสร้างประภาคาร ตามพระราช ดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในบริเวณที่พระยาวิเชียรคีรี (ชม ณ สงขลา) และพระยาชลยุทธโยธินเป็นผู้ เลือกสถานที่ ประภาคารนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2440ศาลาพระวิหารแดง จากลานพระเจดีย์หลวงมีทางเดินลงบันไดมายังศาลาพระวิหารแดง ประวัติการก่อสร้างศาลาพระวิหารแดง พระบาทสมเด็จพระจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริให้สร้างพลับพลาที่ประทับนี้แต่ยังคงสร้างค้างอยู่ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2432 พระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสแหลมมลายูถึงเมืองสงขลา พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินขึ้นนมัสการพระเจดีย์บนยอดเขาตังกวน มีพระราชศรัทธาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างศาลาพระวิหารจนสำเร็จในเวลาต่อมา แล้วยังทรงพระราชดำริให้สร้างบันไดนาคขึ้นจาก พลับพลา สำเร็จเรียบร้อยในปี พ.ศ. 2440 วิวสวยหน้าศาลาพระวิหารแดง พลับพลาที่สร้างขึ้นตั้งแต่ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หันหน้าพลับพลาไปด้านเชิงเขาด้านหนึ่งของเขาตังกวน เป็นบริเวณที่วิวเปิดเห็นทิวทัศน์ได้ไกล และสวยงามมากภายในศาลาพระวิหารแดง ลักษณะการก่อสร้างภายใน เป็นเสามีช่องทางเดินทะลุถึงกันแต่ละช่องมีขนาดเท่ากัน และเป็นแบบเดียวกันทั้งหมดอย่างที่เห็นในภาพนี้เลยครับมองจากด้านหน้า จะทะลุไปจนถึงด้านหลัง มองจากด้านข้างด้านหนึ่งจะ ทะลุไปจนถึงอีกด้านหนึ่ง ช่องทางด้านหน้าและด้านหลัง ช่องทางเดินเข้าออกศาลาพระวิหารแดง คงไม่เรียกว่าประตูเพราะไม่มี ทั้งบานประตูและบานหน้าต่าง ด้านหลังเป็นทางไปบันไดนาคขึ้นยอดเขาตังกวนและพระเจดีย์หลวง ช่องด้านหน้าเป็นทางเดินลงไป เชิงเขาทางบันไดลานชมวิวเขาตังกวน จากยอดเขาตังกวนก็จะมองเห็นวิวของเมืองสงขลาได้แบบ 360 องศา มีที่นั่งให้นั่งชมวิว ลานชมวิวแห่งนี้มีรูปหลวงปู่ทวดอยู่กลางลาน บนฐานที่ยกสูงขึ้นไป ลานชมวิวหน้าพระเจดีย์หลวงจะมองเห็นตัวเมืองสงขลา ได้กว้างไกลมากๆ ทั้งวิวตัวเมืองและทะเลสาปสงขลา รวมทั้งหาดสมิหลา/textarea> /div> div classmt-2 d-flex justify-content-between> div classtext-primary share-cw pointer data-post-id17>แชร์/div> a href./login.php classnav-link text-primary>เพิ่มเติม/a> /div> /div> /div> div classpx-2 col-lg-4 col-md-6 col-sm-12> div classborder rounded p-3> img width100% src./images/posts/post_nwhxu1708305290.png alt> div classmt-2> div classtext-primary fs-5>สถานที่ท่องเที่ยว/div> div classfs-6>พิกัด/div> !-- textarea disabled classauto-resize-textarea bg-transparent border-0>ลิวงค์ลิวงค์ จะนะ แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ บ้านลิวงค์ ตำบลท่าหมอไทร อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นสถานที่ที่มีวิวทิวทัศน์ของ หุบเขาดินแดง อายุเก่าแก่นับกว่า 100 ปี สวยงามเหมือนอยู่เมืองนอกเลย แม้ว่าที่นี่จะไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่กลับเงียบสงบ ร่มรื่น และบรรยากาศดีมากๆ เลยค่ะ เหมาะกับการนั่งชิลๆ พักผ่อน กางเต็นท์ แคมป์ปิ้ง ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก ท่ามกลางธรรมชาติ ด้วยความที่บรรยากาศและภูมิทัศน์ของที่นี่นั้นดีมากๆ ทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามอย่างที่เห็นกันเลยค่ะ มีทั้งสีเขียวของต้นไม้กับวิวภูเขาสวยๆ สะท้อนลงบนพื้นน้ำ ให้อารมณ์คล้ายกับประเทศสวยๆ อย่างสวิตเซอร์แลนด์ เลย จนที่นี่ได้รับการขนามนามว่า สวิตเซอร์แลนด์จะนะ กันเลยทีเดียว และที่สำคัญมีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะแยะมากมายอีกด้วย/textarea> --> textarea rows2 disabled classshow-text bg-transparent>ลิวงค์ลิวงค์ จะนะ แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ บ้านลิวงค์ ตำบลท่าหมอไทร อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นสถานที่ที่มีวิวทิวทัศน์ของ หุบเขาดินแดง อายุเก่าแก่นับกว่า 100 ปี สวยงามเหมือนอยู่เมืองนอกเลย แม้ว่าที่นี่จะไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่กลับเงียบสงบ ร่มรื่น และบรรยากาศดีมากๆ เลยค่ะ เหมาะกับการนั่งชิลๆ พักผ่อน กางเต็นท์ แคมป์ปิ้ง ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก ท่ามกลางธรรมชาติ ด้วยความที่บรรยากาศและภูมิทัศน์ของที่นี่นั้นดีมากๆ ทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามอย่างที่เห็นกันเลยค่ะ มีทั้งสีเขียวของต้นไม้กับวิวภูเขาสวยๆ สะท้อนลงบนพื้นน้ำ ให้อารมณ์คล้ายกับประเทศสวยๆ อย่างสวิตเซอร์แลนด์ เลย จนที่นี่ได้รับการขนามนามว่า สวิตเซอร์แลนด์จะนะ กันเลยทีเดียว และที่สำคัญมีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะแยะมากมายอีกด้วย/textarea> /div> div classmt-2 d-flex justify-content-between> div classtext-primary share-cw pointer data-post-id16>แชร์/div> a href./login.php classnav-link text-primary>เพิ่มเติม/a> /div> /div> /div> div classpx-2 col-lg-4 col-md-6 col-sm-12> div classborder rounded p-3> img width100% src./images/posts/post_bdwvg1708305047.png alt> div classmt-2> div classtext-primary fs-5>สถานที่ท่องเที่ยว/div> div classfs-6>พิกัด/div> !-- textarea disabled classauto-resize-textarea bg-transparent border-0>เขาคอหงส์เขาคอหงส์ จุดชมวิวที่ตั้งอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะแห่งหาดใหญ่ การเดินทางขึ้นมาที่ยอดเขาคอหงส์นั้นสามารถขับรถขึ้นจนถึงจุดชมวิวได้ ไฮไลท์สำหรับที่นี่ก็คือ มีกระเช้าให้นั่งสำหรับขึ้นลงเขาคอหงส์ด้วย ซึ่งที่นี่ถือเป็นกระเช้าขนส่งนักท่องเที่ยวแห่งเดียวในประเทศไทยอีกด้วย ด้านบนมีพระพุทธมงคลมหาราช องค์พระพุทธรูปปางค์ห้ามญาติองค์ใหญ่หันหน้าออกสู่เมืองหาดใหญ่/textarea> --> textarea rows2 disabled classshow-text bg-transparent>เขาคอหงส์เขาคอหงส์ จุดชมวิวที่ตั้งอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะแห่งหาดใหญ่ การเดินทางขึ้นมาที่ยอดเขาคอหงส์นั้นสามารถขับรถขึ้นจนถึงจุดชมวิวได้ ไฮไลท์สำหรับที่นี่ก็คือ มีกระเช้าให้นั่งสำหรับขึ้นลงเขาคอหงส์ด้วย ซึ่งที่นี่ถือเป็นกระเช้าขนส่งนักท่องเที่ยวแห่งเดียวในประเทศไทยอีกด้วย ด้านบนมีพระพุทธมงคลมหาราช องค์พระพุทธรูปปางค์ห้ามญาติองค์ใหญ่หันหน้าออกสู่เมืองหาดใหญ่/textarea> /div> div classmt-2 d-flex justify-content-between> div classtext-primary share-cw pointer data-post-id15>แชร์/div> a href./login.php classnav-link text-primary>เพิ่มเติม/a> /div> /div> /div> div classpx-2 col-lg-4 col-md-6 col-sm-12> div classborder rounded p-3> img width100% src./images/posts/post_dbwbu1708304824.png alt> div classmt-2> div classtext-primary fs-5>สถานที่ท่องเที่ยว/div> div classfs-6>พิกัด/div> !-- textarea disabled classauto-resize-textarea bg-transparent border-0>เกาะยอเป็นเกาะอยู่กลางทะเลสาบสงขลาตอนล่าง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นไหล่เขาและที่ราบตามเชิงเขา ชาวบ้านบนเกาะส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำประมงในทะเลสาบสงขลา เกาะยอยังเป็นแหล่งเลี้ยงปลาในกระชังที่มีชื่อเสียงของทะเลสาบสงขลา บนเกาะมีการทำสวนผลไม้แบบ “สมรม” หมายถึงผลไม้จะผลัดกันให้ผลิตผลตลอดปี เช่น ส้มโอ มะพร้าว ขนุน และจำปาดะ ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงของเกาะยอ ลักษณะคล้ายขนุน แต่ลูกเล็กกว่า สามารถนำไปทอดเหมือนกล้วยแขกหรือรับประทานแบบสดได้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มทอผ้าเกาะยอ ซึ่งเป็นผ้าพื้นเมืองที่มีชื่อเสียง มีลายผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ลายราชวัตถ์ ลายดอกพิกุล ลายดอกพะยอม ฯลฯ สามารถล่องเรือชมทัศนียภาพรอบเกาะยอ ชมวิถีประมงพื้นบ้าน เพลิดเพลินกับบรรยากาศของทะเลสาบ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตก บนเกาะมีที่พักแบบโฮมสเตย์และร้านอาหารให้บริการหลายแห่ง/textarea> --> textarea rows2 disabled classshow-text bg-transparent>เกาะยอเป็นเกาะอยู่กลางทะเลสาบสงขลาตอนล่าง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นไหล่เขาและที่ราบตามเชิงเขา ชาวบ้านบนเกาะส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำประมงในทะเลสาบสงขลา เกาะยอยังเป็นแหล่งเลี้ยงปลาในกระชังที่มีชื่อเสียงของทะเลสาบสงขลา บนเกาะมีการทำสวนผลไม้แบบ “สมรม” หมายถึงผลไม้จะผลัดกันให้ผลิตผลตลอดปี เช่น ส้มโอ มะพร้าว ขนุน และจำปาดะ ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงของเกาะยอ ลักษณะคล้ายขนุน แต่ลูกเล็กกว่า สามารถนำไปทอดเหมือนกล้วยแขกหรือรับประทานแบบสดได้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มทอผ้าเกาะยอ ซึ่งเป็นผ้าพื้นเมืองที่มีชื่อเสียง มีลายผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ลายราชวัตถ์ ลายดอกพิกุล ลายดอกพะยอม ฯลฯ สามารถล่องเรือชมทัศนียภาพรอบเกาะยอ ชมวิถีประมงพื้นบ้าน เพลิดเพลินกับบรรยากาศของทะเลสาบ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตก บนเกาะมีที่พักแบบโฮมสเตย์และร้านอาหารให้บริการหลายแห่ง/textarea> /div> div classmt-2 d-flex justify-content-between> div classtext-primary share-cw pointer data-post-id14>แชร์/div> a href./login.php classnav-link text-primary>เพิ่มเติม/a> /div> /div> /div> /div> /div> /div> script> const share document.querySelectorAll(.share-cw); share.forEach(function(button) { button.addEventListener(click, function() { button.innerText คัดลอกลิงค์แล้ว const post_id button.getAttribute(data-post-id) share_post(post_id) share.forEach(function(other_button) { if (other_button ! button) { other_button.innerText แชร์ } }) }) }) function share_post(post_id) { const host_name window.location.hostname const share_url `${host_name}/post/member/view_post.php?post_id${post_id}` navigator.clipboard.writeText(share_url) .then(() > { console.log(คัดลอกแล้ว, share_url) }) .catch((err) > { console.error(เกิดข้อผิพพลาด, err) }) } /script> div classmt-5 p-3 bg-dark> div classtext-white text-center> Chaowat © ข้อความลิขสิทธิ์ส่วนล่าง /div> /div> script> function auto_resize(textarea) { textarea.style.height auto textarea.style.height (textarea.scrollHeight) + px } document.addEventListener(DOMContentLoaded, function() { const show_text_elements document.querySelectorAll(.auto-resize-textarea) show_text_elements.forEach(function(element) { auto_resize(element); }) }) /script> script srchttps://cdn.jsdelivr.net/npm/bootstrap@5.3.2/dist/js/bootstrap.bundle.min.js integritysha384-C6RzsynM9kWDrMNeT87bh95OGNyZPhcTNXj1NW7RuBCsyN/o0jlpcV8Qyq46cDfL crossoriginanonymous>/script>/body>/html>
Port 443
HTTP/1.1 200 OKServer: nginxDate: Sat, 28 Dec 2024 20:19:45 GMTContent-Type: text/html; charsetUTF-8Transfer-Encoding: chunkedConnection: keep-aliveVary: Accept-EncodingExpires: Thu, 19 Nov 1981 08:52:00 GMTCache-Control: no-store, no-cache, must-revalidatePragma: no-cacheSet-Cookie: PHPSESSID69mv2u6sub047icb096gmotlbq; path/Vary: Accept-Encoding,User-Agent !DOCTYPE html>html langen>head> meta charsetUTF-8> meta nameviewport contentwidthdevice-width, initial-scale1.0> title>มาเที่ยวสงขลากัน/title> link relstylesheet href./global.css> link hrefhttps://cdn.jsdelivr.net/npm/bootstrap@5.3.2/dist/css/bootstrap.min.css relstylesheet integritysha384-T3c6CoIi6uLrA9TneNEoa7RxnatzjcDSCmG1MXxSR1GAsXEV/Dwwykc2MPK8M2HN crossoriginanonymous> link hrefhttps://fonts.googleapis.com/css2?familyMaterial+Symbols+Outlined relstylesheet>/head>style> body { padding-bottom: 0 !important; } .auto-resize-textarea { width: 100%; resize: none; box-sizing: border-box; } .member-nav { background-color: var(--purple) !important; }/style>body> nav classnavbar member-nav navbar-expand-lg bg-body-tertiary> div classcontainer-fluid> div classfs-5 text-white>มาเที่ยวสงขลากัน/div> button classnavbar-toggler text-white typebutton data-bs-togglecollapse data-bs-target#navbarNav aria-controlsnavbarNav aria-expandedfalse aria-labelToggle navigation> span classnavbar-toggler-icon text-white>/span> /button> div classcollapse navbar-collapse idnavbarNav> ul classnavbar-nav> li classnav-item> a classnav-link text-white mt-1 hrefindex.php>หน้าแรก/a> /li> li classnav-item> a classnav-link text-white mt-1 hreflogin.php>ล็อกอิน/a> /li> li classnav-item> span classnav-link text-white mt-1>จำนวนผู้เยี่ยมชมเว็ปไซต์(2651)/span> /li> /ul> /div> /div> /nav> div classcontainer> div classalert alert-info mt-3> marquee direction”left”>เว็บไซต์นี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาโครงงาน หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ประเภทวิชาบริหารธุรกิจ สาขาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยอาชีวศึกษาโปลีเทคนิคตรัง ปีการศึกษา 2566/marquee> /div> /div> div classcontainer> div idcarouselExampleIndicators classcarousel slide mt-3> div classcarousel-indicators> button typebutton data-bs-target#carouselExampleIndicators data-bs-slide-to0 classactive aria-currenttrue aria-labelSlide 1>/button> button typebutton data-bs-target#carouselExampleIndicators data-bs-slide-to1 aria-labelSlide 2>/button> button typebutton data-bs-target#carouselExampleIndicators data-bs-slide-to2 aria-labelSlide 3>/button> /div> div classcarousel-inner> div classcarousel-item active> img src./images/picture_slides/picture_slide_vblyg1709956059.jpg classd-block w-100 altภาพสไลด์> /div> div classcarousel-item> img src./images/picture_slides/picture_slide_nrbix1709957854.jpg classd-block w-100 altภาพสไลด์> /div> div classcarousel-item> img src./images/picture_slides/picture_slide_fiilw1709957861.jpg classd-block w-100 altภาพสไลด์> /div> /div> button classcarousel-control-prev typebutton data-bs-target#carouselExampleIndicators data-bs-slideprev> span classcarousel-control-prev-icon aria-hiddentrue>/span> span classvisually-hidden>Previous/span> /button> button classcarousel-control-next typebutton data-bs-target#carouselExampleIndicators data-bs-slidenext> span classcarousel-control-next-icon aria-hiddentrue>/span> span classvisually-hidden>Next/span> /button> /div> /div> style> .show-text { width: 100%; border: none; outline: none; resize: none; overflow: hidden; box-sizing: border-box; } .div-main { min-height: 65vh; } /style> div classcontainer mt-3> div classdiv-main> div classrow row-gap-3> div classpx-2 col-lg-4 col-md-6 col-sm-12> div classborder rounded p-3> img width100% src./images/posts/post_ywuon1709956294.png alt> div classmt-2> div classtext-primary fs-5>สถานที่ท่องเที่ยว/div> div classfs-6>พิกัด/div> !-- textarea disabled classauto-resize-textarea bg-transparent border-0>หาดสมิหลาหาดสมิหลา ตั้งอยู่ที่ ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ในเขตเทศบาลเมืองสงขลา เป็นหาดชื่อดังของสงขลา ที่คงจะไม่มีใครไม่รู้จัก หาดทรายของที่นี่ก็มีความสวยและขาวสะอาด บวกกับวิวทิวสนร่มรื่นตลอดแนวหาด ทำให้ที่นี่เป็นเหมือนแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวสงขลานที่ หาดสมิหลา นั้น สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ไปจนสุดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่ แหลมสนอ่อน และทิศใต้ก็ยังมองเห็นได้ไกลถึง หาดชลาทัศน์ อีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอเพราะในวันที่อากาศปลอดโปร่ง ก็ยังมีลุ้นได้เห็น เขาเก้าเส้ง อยู่ไกลๆ เช่นเดียวกันแต่อีกไฮไลท์ประจำ หาดสมิหลา แห่งนี้ ที่จะไม่พูดไม่ได้เลย นั่นก็คือ นางเงือก ที่ตั้งอยู่บนหาด เป็นสัญลักษณ์โดดเด่นอย่างหนึ่งของจังหวัดสงขลาเลย โดยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ นางเงือก อยู่ว่าเป็นเรื่องในนิยายปรัมปราของไทย ที่ ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธ์) เป็นผู้เล่าไว้ คือ จะมีนางเงือกมานั่งหวีผมบนชายหาดด้วยหวีทองคำอยู่เป็นประจำ จนวันหนึ่งมีชายชาวประมงเดินผ่านมาเจอ เลยทำให้นางเงือกตกใจ รีบหนีลงทะเล โดยลืมหวีทองคำทิ้งไว้ ชาวประมงเลยก็เก็บหวีเอาไว้และรอคอยนางเงือกที่หาดนี้ แต่นางเงือกก็ไม่เคยปรากฎตัวขึ้นอีกเลยตั้งแต่นั้นมา นอกจากนั้นก็ยังมี สัญลักษณ์อีกอย่างคือ รูปปั้นหนูและแมว ที่เป็นตัวแทนของเกาะใกล้ๆ หาดสมิหลา นั่นก็คือ เกาะหนู และ เกาะแมว อีกด้วย โดยบรรยากาศรอบๆ ของชายหาดที่นี่จะเงียบสงบ เหมาะสำหรับมาพักผ่อนชมวิว และเล่นน้ำทะเลกันได้แบบชิลๆ เลย/textarea> --> textarea rows2 disabled classshow-text bg-transparent>หาดสมิหลาหาดสมิหลา ตั้งอยู่ที่ ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ในเขตเทศบาลเมืองสงขลา เป็นหาดชื่อดังของสงขลา ที่คงจะไม่มีใครไม่รู้จัก หาดทรายของที่นี่ก็มีความสวยและขาวสะอาด บวกกับวิวทิวสนร่มรื่นตลอดแนวหาด ทำให้ที่นี่เป็นเหมือนแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวสงขลานที่ หาดสมิหลา นั้น สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ไปจนสุดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่ แหลมสนอ่อน และทิศใต้ก็ยังมองเห็นได้ไกลถึง หาดชลาทัศน์ อีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอเพราะในวันที่อากาศปลอดโปร่ง ก็ยังมีลุ้นได้เห็น เขาเก้าเส้ง อยู่ไกลๆ เช่นเดียวกันแต่อีกไฮไลท์ประจำ หาดสมิหลา แห่งนี้ ที่จะไม่พูดไม่ได้เลย นั่นก็คือ นางเงือก ที่ตั้งอยู่บนหาด เป็นสัญลักษณ์โดดเด่นอย่างหนึ่งของจังหวัดสงขลาเลย โดยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ นางเงือก อยู่ว่าเป็นเรื่องในนิยายปรัมปราของไทย ที่ ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธ์) เป็นผู้เล่าไว้ คือ จะมีนางเงือกมานั่งหวีผมบนชายหาดด้วยหวีทองคำอยู่เป็นประจำ จนวันหนึ่งมีชายชาวประมงเดินผ่านมาเจอ เลยทำให้นางเงือกตกใจ รีบหนีลงทะเล โดยลืมหวีทองคำทิ้งไว้ ชาวประมงเลยก็เก็บหวีเอาไว้และรอคอยนางเงือกที่หาดนี้ แต่นางเงือกก็ไม่เคยปรากฎตัวขึ้นอีกเลยตั้งแต่นั้นมา นอกจากนั้นก็ยังมี สัญลักษณ์อีกอย่างคือ รูปปั้นหนูและแมว ที่เป็นตัวแทนของเกาะใกล้ๆ หาดสมิหลา นั่นก็คือ เกาะหนู และ เกาะแมว อีกด้วย โดยบรรยากาศรอบๆ ของชายหาดที่นี่จะเงียบสงบ เหมาะสำหรับมาพักผ่อนชมวิว และเล่นน้ำทะเลกันได้แบบชิลๆ เลย/textarea> /div> div classmt-2 d-flex justify-content-between> div classtext-primary share-cw pointer data-post-id23>แชร์/div> a href./login.php classnav-link text-primary>เพิ่มเติม/a> /div> /div> /div> div classpx-2 col-lg-4 col-md-6 col-sm-12> div classborder rounded p-3> img width100% src./images/posts/post_jrvzc1708306250.png alt> div classmt-2> div classtext-primary fs-5>สถานที่ท่องเที่ยว/div> div classfs-6>พิกัด/div> !-- textarea disabled classauto-resize-textarea bg-transparent border-0>สวนสัตว์สงขลาสวนสัตว์สงขลา เป็นสวนสัตว์แห่งแรกของภาคใต้ มีพื้นที่ 878 ไร่ จัดตั้งขึ้นเพื่ออนุรักษ์ ขยายพันธุ์ รวบรวมสัตว์ป่าของไทย และเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ท่ามกลางบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยทะเลสาบสงขลาใกล้แหลมสมิหลาและสามารถชมวิวสะพานติณสูลานนท์ได้อย่างชัดเจนภายในสวนสัตว์มีส่วนจัดแสดงต่างๆ อาทิ- อาคารแสดงความสามารถของแมวน้ำ- สวนน้ำ- ศูนย์จัดแสดงช้าง/วัวกระทิง/วัวแดง- ส่วนจัดแสดงนางเงือก- สวนจัดแสดงหมี- ส่วนจัดแสดงสัตว์จากทวีปแอฟริกา- ศูนย์แสดงลิง- ศูนย์นก- สวนสมเสร็จ- การแสดงวิถีชีวิตสัตว์ป่า- ลานกิจกรรม- ค่ายพักแรม/textarea> --> textarea rows2 disabled classshow-text bg-transparent>สวนสัตว์สงขลาสวนสัตว์สงขลา เป็นสวนสัตว์แห่งแรกของภาคใต้ มีพื้นที่ 878 ไร่ จัดตั้งขึ้นเพื่ออนุรักษ์ ขยายพันธุ์ รวบรวมสัตว์ป่าของไทย และเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ท่ามกลางบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยทะเลสาบสงขลาใกล้แหลมสมิหลาและสามารถชมวิวสะพานติณสูลานนท์ได้อย่างชัดเจนภายในสวนสัตว์มีส่วนจัดแสดงต่างๆ อาทิ- อาคารแสดงความสามารถของแมวน้ำ- สวนน้ำ- ศูนย์จัดแสดงช้าง/วัวกระทิง/วัวแดง- ส่วนจัดแสดงนางเงือก- สวนจัดแสดงหมี- ส่วนจัดแสดงสัตว์จากทวีปแอฟริกา- ศูนย์แสดงลิง- ศูนย์นก- สวนสมเสร็จ- การแสดงวิถีชีวิตสัตว์ป่า- ลานกิจกรรม- ค่ายพักแรม/textarea> /div> div classmt-2 d-flex justify-content-between> div classtext-primary share-cw pointer data-post-id21>แชร์/div> a href./login.php classnav-link text-primary>เพิ่มเติม/a> /div> /div> /div> div classpx-2 col-lg-4 col-md-6 col-sm-12> div classborder rounded p-3> img width100% src./images/posts/post_ftzud1708306061.png alt> div classmt-2> div classtext-primary fs-5>สถานที่ท่องเที่ยว/div> div classfs-6>พิกัด/div> !-- textarea disabled classauto-resize-textarea bg-transparent border-0>ย่านเมืองเก่าย่านเมืองเก่า จังหวัดสงขลา มีประวัติความเป็นมาและมีอายุยืนยาวกว่า 200 ปี โดยดูได้จากความเก่าแก่ของตึก อาคาร และบ้านเรือน ย่านเมืองเก่าแห่งนี้ มีถนนที่สำคัญด้วยกัน 3 สาย คือ ถนนนครนอก ถนนนครใน และถนนนางงาม ถนนนครนอกจะเป็นถนนที่ติดกับฝั่งทะเลสาป ว่ากันว่าในอดีตบริเวณนี้เป็นท่าเทียบเรือเพื่อการค้าขายและขนส่งสินค้าจากต่างประเทศ ดูได้จากการมีโรงสีข้าวขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันที่แห่งนี้ได้ชื่อว่า หับ โห้ หิ้น หรือที่ชาวสงขลาเรียกกันว่า โรงสีแดง โรงสีข้าวแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลสาปสงขลา มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับพื้นที่เพาะปลูกข้าว แต่ในปัจจุบันได้ยกเลิกกิจการไปเนิ่นนานแล้ว เพราะเกิดจากสภาพแวดล้อม สังคม เทคโนโลยี ที่มีการพัฒนาและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว สถานที่แห่งนี้ได้กลายมาเป็นแหล่งเรียนรู้ ให้กับผู้คนที่มาเยี่ยมชมที่นี่ เพื่อจะได้รู้ถึงประวัติ ความเป็นมา และวัฒนธรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต จนถึงปัจจุบัน ถนนนครใน เป็นถนนที่อยู่ตรงกลางระหว่าง ถนนนครนอกและถนนนางงาม ถนนนครนอกนี้มีสถานที่สำคัญ คือ บ้านนครใน จะเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งการอนุรักษ์ เสริมสร้างคุณค่า บ้านนครในเป็นบ้านไม้จีนแบบโบราณ และบ้านตึกสีขาว ภายในจะเป็นการจัดแสดงของเก่า การอนุรักษ์ของเก่า ให้ได้ชมกัน ถนนนางงาม เดิมชื่อ ถนนเก้าห้อง หรือเรียกว่า ย่านเก้าห้อง ถนนเส้นนี้เกิดจากการตัดถนน เพื่อเป็นเส้นทางในการประกอบพิธีสมโภชเสาหลักเมือง ถนนนางงามนี้มีสถานที่สำคัญ คือ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา ศาลเจ้าพ่อกวนอู ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้าน คู่เมือง ของชาวสงขลาและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยสายเชื้อจีน/textarea> --> textarea rows2 disabled classshow-text bg-transparent>ย่านเมืองเก่าย่านเมืองเก่า จังหวัดสงขลา มีประวัติความเป็นมาและมีอายุยืนยาวกว่า 200 ปี โดยดูได้จากความเก่าแก่ของตึก อาคาร และบ้านเรือน ย่านเมืองเก่าแห่งนี้ มีถนนที่สำคัญด้วยกัน 3 สาย คือ ถนนนครนอก ถนนนครใน และถนนนางงาม ถนนนครนอกจะเป็นถนนที่ติดกับฝั่งทะเลสาป ว่ากันว่าในอดีตบริเวณนี้เป็นท่าเทียบเรือเพื่อการค้าขายและขนส่งสินค้าจากต่างประเทศ ดูได้จากการมีโรงสีข้าวขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันที่แห่งนี้ได้ชื่อว่า หับ โห้ หิ้น หรือที่ชาวสงขลาเรียกกันว่า โรงสีแดง โรงสีข้าวแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลสาปสงขลา มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับพื้นที่เพาะปลูกข้าว แต่ในปัจจุบันได้ยกเลิกกิจการไปเนิ่นนานแล้ว เพราะเกิดจากสภาพแวดล้อม สังคม เทคโนโลยี ที่มีการพัฒนาและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว สถานที่แห่งนี้ได้กลายมาเป็นแหล่งเรียนรู้ ให้กับผู้คนที่มาเยี่ยมชมที่นี่ เพื่อจะได้รู้ถึงประวัติ ความเป็นมา และวัฒนธรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต จนถึงปัจจุบัน ถนนนครใน เป็นถนนที่อยู่ตรงกลางระหว่าง ถนนนครนอกและถนนนางงาม ถนนนครนอกนี้มีสถานที่สำคัญ คือ บ้านนครใน จะเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งการอนุรักษ์ เสริมสร้างคุณค่า บ้านนครในเป็นบ้านไม้จีนแบบโบราณ และบ้านตึกสีขาว ภายในจะเป็นการจัดแสดงของเก่า การอนุรักษ์ของเก่า ให้ได้ชมกัน ถนนนางงาม เดิมชื่อ ถนนเก้าห้อง หรือเรียกว่า ย่านเก้าห้อง ถนนเส้นนี้เกิดจากการตัดถนน เพื่อเป็นเส้นทางในการประกอบพิธีสมโภชเสาหลักเมือง ถนนนางงามนี้มีสถานที่สำคัญ คือ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา ศาลเจ้าพ่อกวนอู ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้าน คู่เมือง ของชาวสงขลาและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยสายเชื้อจีน/textarea> /div> div classmt-2 d-flex justify-content-between> div classtext-primary share-cw pointer data-post-id20>แชร์/div> a href./login.php classnav-link text-primary>เพิ่มเติม/a> /div> /div> /div> div classpx-2 col-lg-4 col-md-6 col-sm-12> div classborder rounded p-3> img width100% src./images/posts/post_ciiwy1708305877.png alt> div classmt-2> div classtext-primary fs-5>สถานที่ท่องเที่ยว/div> div classfs-6>พิกัด/div> !-- textarea disabled classauto-resize-textarea bg-transparent border-0>น้ำตกโตนงาช้างน้ำตกโตนงาช้างเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงมาก แห่งหนึ่งของภาคใต้และของจังหวัดสงขลา น้ำตกโตนงาช้างมี 7 ชั้นชั้นที่มีชื่อเสียงมี่สุดคือโตนงาช้างซึ่งเป็นชั้นที่ 3 ของน้ำตกซึ่งสายน้ำตกแยกออกเป็นสองสายคล้ายงาช้างน้ำตกโตนงาช้างนี้อยู่ใน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้างมีการจัดสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ บริการนักท่องเที่ยวมีทางเดินศึกษาธรรมชาติและเที่ยวชมน้ำตกชั้นต่าง ๆ หากจะ ชมน้ำตกให้ครบทุกชั้นต้องเดินเท้าเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตรสำหรับน้ำตกทั้ง 7 ชั้น จะมีชื่อเรียกแตกต่างกัน ได้แก่ ชั้นที่ 1.โตนบ้า เมื่อเดินเท้าไปเพียงแค่เล็กน้อยจากจุดจอดรถ ก็จะพบกับสายน้ำและโขดหิน เล็ก ๆ สำหรับชั้นนี้ไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำเท่าไหร่นัก เนื่องจากเป็นเพียงแค่สายน้ำไหล และไม่มีแอ่งน้ำ ชั้นที่ 2.โตนปลิว ชั้นนี้เดินเท้าจากชั้นแรกประมาณ 200 เมตร ลักษณะของชั้นนี้เป็นแอ่งน้ำ เหมาะแก่การเล่นน้ำ ลักษณะโดยทั่วไป น้ำจะไหลจากหน้าผาสูงชันพอประมาณ สูงประมาณ 20 เมตร โดยที่น้ำจะไหลเป็น 2 สายมาบรรจบกันที่แอ่ง ผู้คนโดยส่วนใหญ่มักจะเล่นน้ำกันชั้นนี้ การเดินทางมาชั้นนี้ค่อนข้างสะดวก ชั้นที่ 3.โตนงาช้าง หากเดินทางมาเที่ยวน้ำตกโตนงาช้างต้องไม่พลาดชั้นนี้ ซึ่งจะได้สัมผัส กับจุดที่เรียกว่า โตนงาช้าง ในชั้นนี้ใช้เวลาในการเดินทางจากชั้นที่ 2 ประมาณ 15 นาที เนื่องจาก ทางขึ้นค่อนข้างชัน เมื่อถึงชั้นนี้จะพบน้ำไหลลาดชัน สูงประมาณ 20 เมตร โดยจะมีน้ำไหล 2 สายมาบรรจบกันที่แอ่ง เล็ก ๆ ซึ่งจะมีโขดหินขนาดใหญ่ขวางอยู่ และเมื่อนั่งบนโขดหินชั้นนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ด้านล่าง เนื่องจากบนชั้นนี้จะมีความสูงใกล้กับเทือกเขา ในชั้นนี้จะมีแอ่งน้ำซึ่งสามารถที่จะเล่นน้ำได้ ชั้นที่ 4.โตนดำ อยู่ที่ระดับความสูง 700 เมตร ชั้นที่ 5.โตนน้ำปล่อย อยู่ที่ระดับความสูง 1,050 เมตร ชั้นที่ 6.โตนฤาษีคอยบ่อ อยู่ที่ระดับความสูง 1,300 เมตร ชั้นที่ 7.โตนเหม็ดชุน อยู่ที่ระดับความสูง 1,550 เมตร การเดินทาง โดยทางรถยนต์ เริ่มจากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ไปตามถนนเพชรเกษม หาดใหญ่-รัตภูมิ ถึงกิโลเมตรที่ 13 แยกซ้ายเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง 13 กิโลเมตร ถึงสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง รวมระยะทางหาดใหญ่ถึงสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง 26 กิโลเมตร/textarea> --> textarea rows2 disabled classshow-text bg-transparent>น้ำตกโตนงาช้างน้ำตกโตนงาช้างเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงมาก แห่งหนึ่งของภาคใต้และของจังหวัดสงขลา น้ำตกโตนงาช้างมี 7 ชั้นชั้นที่มีชื่อเสียงมี่สุดคือโตนงาช้างซึ่งเป็นชั้นที่ 3 ของน้ำตกซึ่งสายน้ำตกแยกออกเป็นสองสายคล้ายงาช้างน้ำตกโตนงาช้างนี้อยู่ใน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้างมีการจัดสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ บริการนักท่องเที่ยวมีทางเดินศึกษาธรรมชาติและเที่ยวชมน้ำตกชั้นต่าง ๆ หากจะ ชมน้ำตกให้ครบทุกชั้นต้องเดินเท้าเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตรสำหรับน้ำตกทั้ง 7 ชั้น จะมีชื่อเรียกแตกต่างกัน ได้แก่ ชั้นที่ 1.โตนบ้า เมื่อเดินเท้าไปเพียงแค่เล็กน้อยจากจุดจอดรถ ก็จะพบกับสายน้ำและโขดหิน เล็ก ๆ สำหรับชั้นนี้ไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำเท่าไหร่นัก เนื่องจากเป็นเพียงแค่สายน้ำไหล และไม่มีแอ่งน้ำ ชั้นที่ 2.โตนปลิว ชั้นนี้เดินเท้าจากชั้นแรกประมาณ 200 เมตร ลักษณะของชั้นนี้เป็นแอ่งน้ำ เหมาะแก่การเล่นน้ำ ลักษณะโดยทั่วไป น้ำจะไหลจากหน้าผาสูงชันพอประมาณ สูงประมาณ 20 เมตร โดยที่น้ำจะไหลเป็น 2 สายมาบรรจบกันที่แอ่ง ผู้คนโดยส่วนใหญ่มักจะเล่นน้ำกันชั้นนี้ การเดินทางมาชั้นนี้ค่อนข้างสะดวก ชั้นที่ 3.โตนงาช้าง หากเดินทางมาเที่ยวน้ำตกโตนงาช้างต้องไม่พลาดชั้นนี้ ซึ่งจะได้สัมผัส กับจุดที่เรียกว่า โตนงาช้าง ในชั้นนี้ใช้เวลาในการเดินทางจากชั้นที่ 2 ประมาณ 15 นาที เนื่องจาก ทางขึ้นค่อนข้างชัน เมื่อถึงชั้นนี้จะพบน้ำไหลลาดชัน สูงประมาณ 20 เมตร โดยจะมีน้ำไหล 2 สายมาบรรจบกันที่แอ่ง เล็ก ๆ ซึ่งจะมีโขดหินขนาดใหญ่ขวางอยู่ และเมื่อนั่งบนโขดหินชั้นนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ด้านล่าง เนื่องจากบนชั้นนี้จะมีความสูงใกล้กับเทือกเขา ในชั้นนี้จะมีแอ่งน้ำซึ่งสามารถที่จะเล่นน้ำได้ ชั้นที่ 4.โตนดำ อยู่ที่ระดับความสูง 700 เมตร ชั้นที่ 5.โตนน้ำปล่อย อยู่ที่ระดับความสูง 1,050 เมตร ชั้นที่ 6.โตนฤาษีคอยบ่อ อยู่ที่ระดับความสูง 1,300 เมตร ชั้นที่ 7.โตนเหม็ดชุน อยู่ที่ระดับความสูง 1,550 เมตร การเดินทาง โดยทางรถยนต์ เริ่มจากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ไปตามถนนเพชรเกษม หาดใหญ่-รัตภูมิ ถึงกิโลเมตรที่ 13 แยกซ้ายเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง 13 กิโลเมตร ถึงสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง รวมระยะทางหาดใหญ่ถึงสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง 26 กิโลเมตร/textarea> /div> div classmt-2 d-flex justify-content-between> div classtext-primary share-cw pointer data-post-id19>แชร์/div> a href./login.php classnav-link text-primary>เพิ่มเติม/a> /div> /div> /div> div classpx-2 col-lg-4 col-md-6 col-sm-12> div classborder rounded p-3> img width100% src./images/posts/post_vtxvk1708305707.png alt> div classmt-2> div classtext-primary fs-5>สถานที่ท่องเที่ยว/div> div classfs-6>พิกัด/div> !-- textarea disabled classauto-resize-textarea bg-transparent border-0>เขาคูหาเขาคูหา ตั้งอยู่ใน ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา เป็นบรรยากาศของวิวทิวทัศน์ภูเขาที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นและสวยงดงามมากๆ ก่อนที่จะมาเป็น เขาคูหา สวยๆ แบบนี้ ต้องบอกก่อนว่าเมื่อก่อนบริเวณนี้มีการทำสัมปทานเหมืองหิน และมีการระเบิดภูเขาด้วย เลยทำให้ภูเขามีรูปร่างแปลกตาจากที่เป็นอยู่ แต่ต่อมาเมื่อไม่มีการต่ออายุสัมปทาน ก็ทำให้เกิดกลุ่มอนุรักษ์เขาคูหาเข้ามาดูแลพื้นที่ และเริ่มมีชาวบ้านในพื้นที่ไปวิ่งออกกำลังกายกัน หรือบ้างก็เข้าไปท่องเที่ยวบ้างก็ชมความสวยงามของวิวที่นี่กัน เลยทำให้ เขาคูหา เริ่มเป็นที่รู้จักและกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องลองไปชมสักครั้งเลยเขาคูหา เลยเป็นอีกจุดชมวิวสวยๆ ที่เข้าถึงง่ายๆ สามารถเดินเท้าขึ้นไปได้เลย แม้ว่าจะแต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินบ้าง แต่ก็ถือว่าไม่ยากจนเกินไป และที่ด้านบนจุดชมวิวนั้น ยังมีจุดถ่ายรูปสวย ที่เป็นไฮไลท์ คือ ภาพของร่องภูเขาที่รายล้อมไปด้วยต้นสน ถ่ายภาพออกมานึกว่าอยู่ที่เมืองนอกแบบนั้นเลยนะเนี่ย ยิ่งถ้าใครได้มีโอกาสไปในตอนเช้าๆ แล้วล่ะก็ อาจจะมีลุ้นได้ชม ทะเลหมอก แบบ 360 องศาอีกด้วยนะ หรือจะนอนกางเต็นท์ชมวิวบนเขาเลย ก็สามาถทำได้เช่นกัน หากใครที่มีโอกาสไปเที่ยว สงขลา ก็อย่าลืมไปเก็บภาพสวยๆ ของ เขาคูหา กันดู รับรองว่าจะต้องได้ภาพสวยๆ เหมือนอยู่เมืองนอก ไปอวดเพื่อนๆ ในโซเชียลอย่างแน่นอน/textarea> --> textarea rows2 disabled classshow-text bg-transparent>เขาคูหาเขาคูหา ตั้งอยู่ใน ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา เป็นบรรยากาศของวิวทิวทัศน์ภูเขาที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นและสวยงดงามมากๆ ก่อนที่จะมาเป็น เขาคูหา สวยๆ แบบนี้ ต้องบอกก่อนว่าเมื่อก่อนบริเวณนี้มีการทำสัมปทานเหมืองหิน และมีการระเบิดภูเขาด้วย เลยทำให้ภูเขามีรูปร่างแปลกตาจากที่เป็นอยู่ แต่ต่อมาเมื่อไม่มีการต่ออายุสัมปทาน ก็ทำให้เกิดกลุ่มอนุรักษ์เขาคูหาเข้ามาดูแลพื้นที่ และเริ่มมีชาวบ้านในพื้นที่ไปวิ่งออกกำลังกายกัน หรือบ้างก็เข้าไปท่องเที่ยวบ้างก็ชมความสวยงามของวิวที่นี่กัน เลยทำให้ เขาคูหา เริ่มเป็นที่รู้จักและกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องลองไปชมสักครั้งเลยเขาคูหา เลยเป็นอีกจุดชมวิวสวยๆ ที่เข้าถึงง่ายๆ สามารถเดินเท้าขึ้นไปได้เลย แม้ว่าจะแต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินบ้าง แต่ก็ถือว่าไม่ยากจนเกินไป และที่ด้านบนจุดชมวิวนั้น ยังมีจุดถ่ายรูปสวย ที่เป็นไฮไลท์ คือ ภาพของร่องภูเขาที่รายล้อมไปด้วยต้นสน ถ่ายภาพออกมานึกว่าอยู่ที่เมืองนอกแบบนั้นเลยนะเนี่ย ยิ่งถ้าใครได้มีโอกาสไปในตอนเช้าๆ แล้วล่ะก็ อาจจะมีลุ้นได้ชม ทะเลหมอก แบบ 360 องศาอีกด้วยนะ หรือจะนอนกางเต็นท์ชมวิวบนเขาเลย ก็สามาถทำได้เช่นกัน หากใครที่มีโอกาสไปเที่ยว สงขลา ก็อย่าลืมไปเก็บภาพสวยๆ ของ เขาคูหา กันดู รับรองว่าจะต้องได้ภาพสวยๆ เหมือนอยู่เมืองนอก ไปอวดเพื่อนๆ ในโซเชียลอย่างแน่นอน/textarea> /div> div classmt-2 d-flex justify-content-between> div classtext-primary share-cw pointer data-post-id18>แชร์/div> a href./login.php classnav-link text-primary>เพิ่มเติม/a> /div> /div> /div> div classpx-2 col-lg-4 col-md-6 col-sm-12> div classborder rounded p-3> img width100% src./images/posts/post_xutyu1708305446.png alt> div classmt-2> div classtext-primary fs-5>สถานที่ท่องเที่ยว/div> div classfs-6>พิกัด/div> !-- textarea disabled classauto-resize-textarea bg-transparent border-0>เขาตังกวนเขาตังกวน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.สงขลา เป็นเนินเขาสูง จากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 ฟุต จากยอดเขาตังกวนนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองสงขลาได้โดยรอบ บนยอดเขาตังกวนเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์พระธาตุคู่เมือง สงขลาซึ่งสร้างในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี(อยู่บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 ฟุต ) โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) ได้พระราชทานเงินหลวงให้เป็นทุนในการบูรณะปฏิสังขรณ์ และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน (ร.9) ได้ทรงพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุให้มาบรรจุในองค์พระเจดีย์ในทุกๆ ปีในเดือนตุลาคม จะมีงานพิธีห่มผ้าองค์พระเจดีย์ และประเพณีตักบาตรเทโวและลากพระของสงขลาจดีย์พระธาตุ พระเจดีย์หลวง พระเจดีย์หลวงเป็นอีกหนึ่งในโบราณสถานที่สำคัญของเขาตังกวน พระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงระฆัง สันนิษฐานว่าเป็น พระเจดีย์โบราณที่มีมานาน แต่ไม่ปรากฎหลักฐานความเป็นมาที่ชัดเจน จนต่อมาในปี พ.ศ.2402 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้า อยู่หัวฯ เสด็จพระราชดำเนินประพาสเมืองสงขลา หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2409 จึงได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินหลวง 37 ชั่ง ให้เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น) ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ให้สูงใหญ่กว่าของเก่า และในครั้งนั้น เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น)ได้ สร้างคฤห์ไว้ที่ฐานพระเจดีย์ และต่อเติมเก๋งที่มุมกำแพง พระเจดีย์หลวงเป็นพระเจดีย์คู่บ้านคู่เมือง ของสงขลาจึงมีการบูรณะซ่อม แซมมาโดยตลอด ในปีพ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าพระราชทาน พระบรมสารีริกธาตุ และเครื่องสักการะบูชาประดิษฐานไว้ ณ พระเจดีย์หลวง เพื่อไว้เป็นที่สักการะบูชาของชาวเมืองสงขลาสืบต่อไปประภาคาร เป็นอาคารที่สำคัญอย่างหนึ่งของเขาตังกวนสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ.2439 ครั้งพระยาวิเชียรคีรี (ชม) เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา โดยสมเด็จพระบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้โปรดให้ กรมทหารเรือทำเครื่องหมายประดับประกอบตัวโคมและส่งแบบฐานปูนให้ข้าหลวงออกมาจัดการก่อสร้างประภาคาร ตามพระราช ดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในบริเวณที่พระยาวิเชียรคีรี (ชม ณ สงขลา) และพระยาชลยุทธโยธินเป็นผู้ เลือกสถานที่ ประภาคารนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2440ศาลาพระวิหารแดง จากลานพระเจดีย์หลวงมีทางเดินลงบันไดมายังศาลาพระวิหารแดง ประวัติการก่อสร้างศาลาพระวิหารแดง พระบาทสมเด็จพระจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริให้สร้างพลับพลาที่ประทับนี้แต่ยังคงสร้างค้างอยู่ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2432 พระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสแหลมมลายูถึงเมืองสงขลา พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินขึ้นนมัสการพระเจดีย์บนยอดเขาตังกวน มีพระราชศรัทธาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างศาลาพระวิหารจนสำเร็จในเวลาต่อมา แล้วยังทรงพระราชดำริให้สร้างบันไดนาคขึ้นจาก พลับพลา สำเร็จเรียบร้อยในปี พ.ศ. 2440 วิวสวยหน้าศาลาพระวิหารแดง พลับพลาที่สร้างขึ้นตั้งแต่ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หันหน้าพลับพลาไปด้านเชิงเขาด้านหนึ่งของเขาตังกวน เป็นบริเวณที่วิวเปิดเห็นทิวทัศน์ได้ไกล และสวยงามมากภายในศาลาพระวิหารแดง ลักษณะการก่อสร้างภายใน เป็นเสามีช่องทางเดินทะลุถึงกันแต่ละช่องมีขนาดเท่ากัน และเป็นแบบเดียวกันทั้งหมดอย่างที่เห็นในภาพนี้เลยครับมองจากด้านหน้า จะทะลุไปจนถึงด้านหลัง มองจากด้านข้างด้านหนึ่งจะ ทะลุไปจนถึงอีกด้านหนึ่ง ช่องทางด้านหน้าและด้านหลัง ช่องทางเดินเข้าออกศาลาพระวิหารแดง คงไม่เรียกว่าประตูเพราะไม่มี ทั้งบานประตูและบานหน้าต่าง ด้านหลังเป็นทางไปบันไดนาคขึ้นยอดเขาตังกวนและพระเจดีย์หลวง ช่องด้านหน้าเป็นทางเดินลงไป เชิงเขาทางบันไดลานชมวิวเขาตังกวน จากยอดเขาตังกวนก็จะมองเห็นวิวของเมืองสงขลาได้แบบ 360 องศา มีที่นั่งให้นั่งชมวิว ลานชมวิวแห่งนี้มีรูปหลวงปู่ทวดอยู่กลางลาน บนฐานที่ยกสูงขึ้นไป ลานชมวิวหน้าพระเจดีย์หลวงจะมองเห็นตัวเมืองสงขลา ได้กว้างไกลมากๆ ทั้งวิวตัวเมืองและทะเลสาปสงขลา รวมทั้งหาดสมิหลา/textarea> --> textarea rows2 disabled classshow-text bg-transparent>เขาตังกวนเขาตังกวน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.สงขลา เป็นเนินเขาสูง จากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 ฟุต จากยอดเขาตังกวนนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองสงขลาได้โดยรอบ บนยอดเขาตังกวนเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์พระธาตุคู่เมือง สงขลาซึ่งสร้างในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี(อยู่บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 ฟุต ) โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) ได้พระราชทานเงินหลวงให้เป็นทุนในการบูรณะปฏิสังขรณ์ และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน (ร.9) ได้ทรงพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุให้มาบรรจุในองค์พระเจดีย์ในทุกๆ ปีในเดือนตุลาคม จะมีงานพิธีห่มผ้าองค์พระเจดีย์ และประเพณีตักบาตรเทโวและลากพระของสงขลาจดีย์พระธาตุ พระเจดีย์หลวง พระเจดีย์หลวงเป็นอีกหนึ่งในโบราณสถานที่สำคัญของเขาตังกวน พระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงระฆัง สันนิษฐานว่าเป็น พระเจดีย์โบราณที่มีมานาน แต่ไม่ปรากฎหลักฐานความเป็นมาที่ชัดเจน จนต่อมาในปี พ.ศ.2402 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้า อยู่หัวฯ เสด็จพระราชดำเนินประพาสเมืองสงขลา หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2409 จึงได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินหลวง 37 ชั่ง ให้เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น) ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ให้สูงใหญ่กว่าของเก่า และในครั้งนั้น เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น)ได้ สร้างคฤห์ไว้ที่ฐานพระเจดีย์ และต่อเติมเก๋งที่มุมกำแพง พระเจดีย์หลวงเป็นพระเจดีย์คู่บ้านคู่เมือง ของสงขลาจึงมีการบูรณะซ่อม แซมมาโดยตลอด ในปีพ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าพระราชทาน พระบรมสารีริกธาตุ และเครื่องสักการะบูชาประดิษฐานไว้ ณ พระเจดีย์หลวง เพื่อไว้เป็นที่สักการะบูชาของชาวเมืองสงขลาสืบต่อไปประภาคาร เป็นอาคารที่สำคัญอย่างหนึ่งของเขาตังกวนสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ.2439 ครั้งพระยาวิเชียรคีรี (ชม) เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา โดยสมเด็จพระบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้โปรดให้ กรมทหารเรือทำเครื่องหมายประดับประกอบตัวโคมและส่งแบบฐานปูนให้ข้าหลวงออกมาจัดการก่อสร้างประภาคาร ตามพระราช ดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในบริเวณที่พระยาวิเชียรคีรี (ชม ณ สงขลา) และพระยาชลยุทธโยธินเป็นผู้ เลือกสถานที่ ประภาคารนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2440ศาลาพระวิหารแดง จากลานพระเจดีย์หลวงมีทางเดินลงบันไดมายังศาลาพระวิหารแดง ประวัติการก่อสร้างศาลาพระวิหารแดง พระบาทสมเด็จพระจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริให้สร้างพลับพลาที่ประทับนี้แต่ยังคงสร้างค้างอยู่ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2432 พระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสแหลมมลายูถึงเมืองสงขลา พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินขึ้นนมัสการพระเจดีย์บนยอดเขาตังกวน มีพระราชศรัทธาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างศาลาพระวิหารจนสำเร็จในเวลาต่อมา แล้วยังทรงพระราชดำริให้สร้างบันไดนาคขึ้นจาก พลับพลา สำเร็จเรียบร้อยในปี พ.ศ. 2440 วิวสวยหน้าศาลาพระวิหารแดง พลับพลาที่สร้างขึ้นตั้งแต่ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หันหน้าพลับพลาไปด้านเชิงเขาด้านหนึ่งของเขาตังกวน เป็นบริเวณที่วิวเปิดเห็นทิวทัศน์ได้ไกล และสวยงามมากภายในศาลาพระวิหารแดง ลักษณะการก่อสร้างภายใน เป็นเสามีช่องทางเดินทะลุถึงกันแต่ละช่องมีขนาดเท่ากัน และเป็นแบบเดียวกันทั้งหมดอย่างที่เห็นในภาพนี้เลยครับมองจากด้านหน้า จะทะลุไปจนถึงด้านหลัง มองจากด้านข้างด้านหนึ่งจะ ทะลุไปจนถึงอีกด้านหนึ่ง ช่องทางด้านหน้าและด้านหลัง ช่องทางเดินเข้าออกศาลาพระวิหารแดง คงไม่เรียกว่าประตูเพราะไม่มี ทั้งบานประตูและบานหน้าต่าง ด้านหลังเป็นทางไปบันไดนาคขึ้นยอดเขาตังกวนและพระเจดีย์หลวง ช่องด้านหน้าเป็นทางเดินลงไป เชิงเขาทางบันไดลานชมวิวเขาตังกวน จากยอดเขาตังกวนก็จะมองเห็นวิวของเมืองสงขลาได้แบบ 360 องศา มีที่นั่งให้นั่งชมวิว ลานชมวิวแห่งนี้มีรูปหลวงปู่ทวดอยู่กลางลาน บนฐานที่ยกสูงขึ้นไป ลานชมวิวหน้าพระเจดีย์หลวงจะมองเห็นตัวเมืองสงขลา ได้กว้างไกลมากๆ ทั้งวิวตัวเมืองและทะเลสาปสงขลา รวมทั้งหาดสมิหลา/textarea> /div> div classmt-2 d-flex justify-content-between> div classtext-primary share-cw pointer data-post-id17>แชร์/div> a href./login.php classnav-link text-primary>เพิ่มเติม/a> /div> /div> /div> div classpx-2 col-lg-4 col-md-6 col-sm-12> div classborder rounded p-3> img width100% src./images/posts/post_nwhxu1708305290.png alt> div classmt-2> div classtext-primary fs-5>สถานที่ท่องเที่ยว/div> div classfs-6>พิกัด/div> !-- textarea disabled classauto-resize-textarea bg-transparent border-0>ลิวงค์ลิวงค์ จะนะ แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ บ้านลิวงค์ ตำบลท่าหมอไทร อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นสถานที่ที่มีวิวทิวทัศน์ของ หุบเขาดินแดง อายุเก่าแก่นับกว่า 100 ปี สวยงามเหมือนอยู่เมืองนอกเลย แม้ว่าที่นี่จะไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่กลับเงียบสงบ ร่มรื่น และบรรยากาศดีมากๆ เลยค่ะ เหมาะกับการนั่งชิลๆ พักผ่อน กางเต็นท์ แคมป์ปิ้ง ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก ท่ามกลางธรรมชาติ ด้วยความที่บรรยากาศและภูมิทัศน์ของที่นี่นั้นดีมากๆ ทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามอย่างที่เห็นกันเลยค่ะ มีทั้งสีเขียวของต้นไม้กับวิวภูเขาสวยๆ สะท้อนลงบนพื้นน้ำ ให้อารมณ์คล้ายกับประเทศสวยๆ อย่างสวิตเซอร์แลนด์ เลย จนที่นี่ได้รับการขนามนามว่า สวิตเซอร์แลนด์จะนะ กันเลยทีเดียว และที่สำคัญมีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะแยะมากมายอีกด้วย/textarea> --> textarea rows2 disabled classshow-text bg-transparent>ลิวงค์ลิวงค์ จะนะ แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ บ้านลิวงค์ ตำบลท่าหมอไทร อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นสถานที่ที่มีวิวทิวทัศน์ของ หุบเขาดินแดง อายุเก่าแก่นับกว่า 100 ปี สวยงามเหมือนอยู่เมืองนอกเลย แม้ว่าที่นี่จะไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่กลับเงียบสงบ ร่มรื่น และบรรยากาศดีมากๆ เลยค่ะ เหมาะกับการนั่งชิลๆ พักผ่อน กางเต็นท์ แคมป์ปิ้ง ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก ท่ามกลางธรรมชาติ ด้วยความที่บรรยากาศและภูมิทัศน์ของที่นี่นั้นดีมากๆ ทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามอย่างที่เห็นกันเลยค่ะ มีทั้งสีเขียวของต้นไม้กับวิวภูเขาสวยๆ สะท้อนลงบนพื้นน้ำ ให้อารมณ์คล้ายกับประเทศสวยๆ อย่างสวิตเซอร์แลนด์ เลย จนที่นี่ได้รับการขนามนามว่า สวิตเซอร์แลนด์จะนะ กันเลยทีเดียว และที่สำคัญมีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะแยะมากมายอีกด้วย/textarea> /div> div classmt-2 d-flex justify-content-between> div classtext-primary share-cw pointer data-post-id16>แชร์/div> a href./login.php classnav-link text-primary>เพิ่มเติม/a> /div> /div> /div> div classpx-2 col-lg-4 col-md-6 col-sm-12> div classborder rounded p-3> img width100% src./images/posts/post_bdwvg1708305047.png alt> div classmt-2> div classtext-primary fs-5>สถานที่ท่องเที่ยว/div> div classfs-6>พิกัด/div> !-- textarea disabled classauto-resize-textarea bg-transparent border-0>เขาคอหงส์เขาคอหงส์ จุดชมวิวที่ตั้งอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะแห่งหาดใหญ่ การเดินทางขึ้นมาที่ยอดเขาคอหงส์นั้นสามารถขับรถขึ้นจนถึงจุดชมวิวได้ ไฮไลท์สำหรับที่นี่ก็คือ มีกระเช้าให้นั่งสำหรับขึ้นลงเขาคอหงส์ด้วย ซึ่งที่นี่ถือเป็นกระเช้าขนส่งนักท่องเที่ยวแห่งเดียวในประเทศไทยอีกด้วย ด้านบนมีพระพุทธมงคลมหาราช องค์พระพุทธรูปปางค์ห้ามญาติองค์ใหญ่หันหน้าออกสู่เมืองหาดใหญ่/textarea> --> textarea rows2 disabled classshow-text bg-transparent>เขาคอหงส์เขาคอหงส์ จุดชมวิวที่ตั้งอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะแห่งหาดใหญ่ การเดินทางขึ้นมาที่ยอดเขาคอหงส์นั้นสามารถขับรถขึ้นจนถึงจุดชมวิวได้ ไฮไลท์สำหรับที่นี่ก็คือ มีกระเช้าให้นั่งสำหรับขึ้นลงเขาคอหงส์ด้วย ซึ่งที่นี่ถือเป็นกระเช้าขนส่งนักท่องเที่ยวแห่งเดียวในประเทศไทยอีกด้วย ด้านบนมีพระพุทธมงคลมหาราช องค์พระพุทธรูปปางค์ห้ามญาติองค์ใหญ่หันหน้าออกสู่เมืองหาดใหญ่/textarea> /div> div classmt-2 d-flex justify-content-between> div classtext-primary share-cw pointer data-post-id15>แชร์/div> a href./login.php classnav-link text-primary>เพิ่มเติม/a> /div> /div> /div> div classpx-2 col-lg-4 col-md-6 col-sm-12> div classborder rounded p-3> img width100% src./images/posts/post_dbwbu1708304824.png alt> div classmt-2> div classtext-primary fs-5>สถานที่ท่องเที่ยว/div> div classfs-6>พิกัด/div> !-- textarea disabled classauto-resize-textarea bg-transparent border-0>เกาะยอเป็นเกาะอยู่กลางทะเลสาบสงขลาตอนล่าง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นไหล่เขาและที่ราบตามเชิงเขา ชาวบ้านบนเกาะส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำประมงในทะเลสาบสงขลา เกาะยอยังเป็นแหล่งเลี้ยงปลาในกระชังที่มีชื่อเสียงของทะเลสาบสงขลา บนเกาะมีการทำสวนผลไม้แบบ “สมรม” หมายถึงผลไม้จะผลัดกันให้ผลิตผลตลอดปี เช่น ส้มโอ มะพร้าว ขนุน และจำปาดะ ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงของเกาะยอ ลักษณะคล้ายขนุน แต่ลูกเล็กกว่า สามารถนำไปทอดเหมือนกล้วยแขกหรือรับประทานแบบสดได้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มทอผ้าเกาะยอ ซึ่งเป็นผ้าพื้นเมืองที่มีชื่อเสียง มีลายผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ลายราชวัตถ์ ลายดอกพิกุล ลายดอกพะยอม ฯลฯ สามารถล่องเรือชมทัศนียภาพรอบเกาะยอ ชมวิถีประมงพื้นบ้าน เพลิดเพลินกับบรรยากาศของทะเลสาบ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตก บนเกาะมีที่พักแบบโฮมสเตย์และร้านอาหารให้บริการหลายแห่ง/textarea> --> textarea rows2 disabled classshow-text bg-transparent>เกาะยอเป็นเกาะอยู่กลางทะเลสาบสงขลาตอนล่าง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นไหล่เขาและที่ราบตามเชิงเขา ชาวบ้านบนเกาะส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำประมงในทะเลสาบสงขลา เกาะยอยังเป็นแหล่งเลี้ยงปลาในกระชังที่มีชื่อเสียงของทะเลสาบสงขลา บนเกาะมีการทำสวนผลไม้แบบ “สมรม” หมายถึงผลไม้จะผลัดกันให้ผลิตผลตลอดปี เช่น ส้มโอ มะพร้าว ขนุน และจำปาดะ ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงของเกาะยอ ลักษณะคล้ายขนุน แต่ลูกเล็กกว่า สามารถนำไปทอดเหมือนกล้วยแขกหรือรับประทานแบบสดได้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มทอผ้าเกาะยอ ซึ่งเป็นผ้าพื้นเมืองที่มีชื่อเสียง มีลายผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ลายราชวัตถ์ ลายดอกพิกุล ลายดอกพะยอม ฯลฯ สามารถล่องเรือชมทัศนียภาพรอบเกาะยอ ชมวิถีประมงพื้นบ้าน เพลิดเพลินกับบรรยากาศของทะเลสาบ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตก บนเกาะมีที่พักแบบโฮมสเตย์และร้านอาหารให้บริการหลายแห่ง/textarea> /div> div classmt-2 d-flex justify-content-between> div classtext-primary share-cw pointer data-post-id14>แชร์/div> a href./login.php classnav-link text-primary>เพิ่มเติม/a> /div> /div> /div> /div> /div> /div> script> const share document.querySelectorAll(.share-cw); share.forEach(function(button) { button.addEventListener(click, function() { button.innerText คัดลอกลิงค์แล้ว const post_id button.getAttribute(data-post-id) share_post(post_id) share.forEach(function(other_button) { if (other_button ! button) { other_button.innerText แชร์ } }) }) }) function share_post(post_id) { const host_name window.location.hostname const share_url `${host_name}/post/member/view_post.php?post_id${post_id}` navigator.clipboard.writeText(share_url) .then(() > { console.log(คัดลอกแล้ว, share_url) }) .catch((err) > { console.error(เกิดข้อผิพพลาด, err) }) } /script> div classmt-5 p-3 bg-dark> div classtext-white text-center> Chaowat © ข้อความลิขสิทธิ์ส่วนล่าง /div> /div> script> function auto_resize(textarea) { textarea.style.height auto textarea.style.height (textarea.scrollHeight) + px } document.addEventListener(DOMContentLoaded, function() { const show_text_elements document.querySelectorAll(.auto-resize-textarea) show_text_elements.forEach(function(element) { auto_resize(element); }) }) /script> script srchttps://cdn.jsdelivr.net/npm/bootstrap@5.3.2/dist/js/bootstrap.bundle.min.js integritysha384-C6RzsynM9kWDrMNeT87bh95OGNyZPhcTNXj1NW7RuBCsyN/o0jlpcV8Qyq46cDfL crossoriginanonymous>/script>/body>/html>
View on OTX
|
View on ThreatMiner
Please enable JavaScript to view the
comments powered by Disqus.
Data with thanks to
AlienVault OTX
,
VirusTotal
,
Malwr
and
others
. [
Sitemap
]